กทม.ตั้ง37จุดเฝ้าระวังช่วงสงกรานต์
กทม. เตรียมเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังภัย 37 จุด และจุดบริการประชาชนในช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์ เข้ม 6 มาตรการดูแลความปลอดภัย-โควิด
นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีปล่อยแถวขบวนรถเพื่อปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2564 ประกอบด้วยรถจักรยานยนต์ดับเพลิง, รถดับเพลิง, รถกู้ภัย, รถศูนย์บัญชาการสื่อสารเคลื่อนที่, รถสายตรวจ, รถหน่วยแพทย์กู้ชีวิตของสำนักการแพทย์และรถปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องรวม 43 คัน ณ บริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
โดยสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2564 ของกรุงเทพมหานครขึ้นเพื่อเป็นกรอบแนวทางเตรียมความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนที่อาจเกิดขึ้น การช่วยเหลือประชาชนด้านต่าง ๆ
โดยเตรียมความพร้อมทั้งด้านกำลังเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ และยานพาหนะให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดรถดับเพลิงพร้อมเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังอันตราย จำนวน 37 จุด ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครเพิ่มเติมจากสถานีดับเพลิงและกู้ภัยหลัก 37 สถานี พร้อมทั้งจุดบริการประชาชนบริเวณถนนเข้า – ออกเมือง จำนวน 11 จุด เพื่อให้บริการตรวจสอบสภาพรถและบริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น ให้ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในช่วง 7 วันอันตรายระหว่างวันที่ 10 – 16 เม.ย.64
รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2564 กรุงเทพมหานครได้ออกประกาศเพื่อแจ้งเตือนประชาชนไว้แล้ว พร้อมทั้งกำชับให้สำนักงานเขตและหน่วยงานต่าง ๆ ร่วมกันดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ อย่างเข้มงวด ประกอบด้วย 6 มาตรการ ได้แก่
1. มาตรการป้องกันอัคคีภัย
2. มาตรการเตรียมความพร้อมเพื่อดูแลความปลอดภัยด้านอัคคีภัยและสาธารณภัย
3. มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ร่วมกับสำนักการจราจรและขนส่ง ภายใต้แคมเปญ “Stop/Think/Act ฉุกใจไม่ฉุกเฉิน”
4. มาตรการดูแลความปลอดภัยบริเวณสถานที่จัดงานเทศกาลสงกรานต์ 5. มาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และ 6. มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news