ศบค.เตรียมประกาศปิดสถานที่เสี่ยง 10-23เม.ย. ดำเนินการ 41 จังหวัด ย้ำรัฐจัดหาวัคซีนโควิดเพียงพอ โต้ รพ.เอกชนขาดแคลนน้ำยาตรวจ
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เผยถึงการประชุม ศบค.ชุดเล็ก โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ศบค. โดยมีการออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 19 ซึ่งประกาศจะออกในบ่ายวันนี้ โดยมี 3 ข้อที่จะประกาศ คือ ปิดสถานที่ สถานเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคซึ่งให้อำนาจผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาสั่งปิดสถานบริการ ผับบาร์ คาราโอเกะ อาบ อบ นวด หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ในพื้นที่ 41 จังหวัด เป็นการชั่วคราวอย่างน้อย 4 วัน คือวันที่ 10 เม.ย.-23 เม.ย. 2564 ส่วนพื้นที่ 36 จังหวัดนอกเหนือ จากข้อกำหนดให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจในการดำเนินการตามกฏหมายพิจารณาสั่งปิดสถานบริการเป็นการชั่วคราวได้
พิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการเพื่อให้การบริหารจัดการและการบังคับใช้มาตราการควบคุมการแพร่ระบาดในสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโดยให้อำนาจผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อตรวจสอบกลั่นกรองและประเมินตามความเหมาะสมก่อนเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุญาตให้ผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการกับสถานที่ที่ได้มีคำสั่งปิดเป็นการชั่วคราว และให้อำนาจเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอื่นๆประสานปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดในการตรวจสอบกิจการและกิจกรรมต่างๆ
นายแพทย์ทวีศิลป์ ยังเผยว่า ในการประชุมเรื่องการจัดหาวัคซีนซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยข่าวที่ออกไป ว่า วัคซีนเป็นผลประโยชน์กับใครบางคนหรือไม่ มีการผูกขาดผู้นำเข้าวัคซีนหรือไม่ ซึ่งในขณะนี้วัคซีนที่รัฐจัดให้เพียงพอต่อประชาชน 31 ล้านคน 61 ล้านโดส ซึ่งจะต้องหาวัคซีนเพิ่มเติมอีก 70 ล้านโดส อีก 35 ล้านคนที่ต้องการฉีด โดยจะต้องฉีดให้ได้อีก 40 ล้านคนและขาดอีก 5 ล้านคนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่
โดยอีก 10 ล้านโดสหาวัคซีนทางเลือกให้ประชาชนได้หรือไม่โดยโรงพยาบาลเอกชนเสนอตัวแต่ต้องการให้ภาครัฐอำนวยความสะดวกให้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีระบุเห็นด้วยทั้งสิ้นให้มีการใช้โคต้า 10 ล้านโดส โดยให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการจัดหา ซึ่งหากเอกชนมีกำลังให้ภาครัฐช่วยสนับสนุนซึ่งต้องปลอดภัยกับประชาชน โดยให้นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 เป็นประธานในเรื่องนี้และตั้งคณะกรรมการเพื่อให้ประชุมกันและใน 1 เดือนให้มารายงานเพื่อขับเคลื่อนวัคซีนทางเลือกหากมีความคืบหน้าอย่างไรจะนำเรียนให้ประชาชนทราบอีกครั้ง
ส่วนกรณีมีข่าวโรงพยาบาลเอกชนไม่ตรวจโควิด-19 โดยพบว่าน้ำยาในการใช้ตรวจหมดรวมถึงเตียงไม่พอนั้น ในวันนี้ได้เชิญนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชนเข้ามาประชุมโดยระบุว่า ในตอนนี้ยังมีน้ำยาที่ใช้ในการตรวจ แต่หากใครตรวจพบจะต้องแอดมิท ซึ่งเกินศักยภาพของโรงพยาบาล โดยในตอนนี้ต้องการเตียงมากยิ่งขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กทม. ปลัดสาธารณสุข รวมถึงเลขาฯ สมช. ประชุมหารือกันในเรื่องนี้ ซึ่งต้องการขยายศักยภาพเตียงได้ 5,000 เตียง รวมถึงมีการเอาโรงแรมมาทำเป็นที่พักรักษาตัว ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้หาข้อสรุปโดยปลัดกระทรวงสาธารณสุขรับเรื่องและจะไปหารือเพื่อปรับให้สมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news