สธ. ยัน “วัคซีนซิโนแวค” มีประสิทธิภาพป้องกันอาการรุนแรง100% ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าป้องกันสายพันธุ์อังกฤษ 70.4% ย้ำฉีดวัคซีนให้เร็ว ช่วยหยุดการระบาด
นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ แถลงข่าวถึงประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด 19 ว่า วัคซีนโควิด 19 ที่ประเทศไทยใช้ ทั้งของซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า ถือว่ามีประสิทธิภาพสูง โดยวัคซีนของซิโนแวคที่มีข้อมูลว่ามีประสิทธิภาพป้องกันเพียงร้อยละ 50.4 นั้น ขอชี้แจงว่าเป็นข้อมูลการวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 3 ซึ่งดำเนินการในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศบราซิลที่กำลังมีการระบาดอย่างมาก ถือเป็นวัคซีนตัวเดียวที่ศึกษาวิจัยในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม แม้จะป้องกันอาการไม่รุนแรงร้อยละ 50.4 แต่ถือว่าผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำขององค์การอนามัยโลก ขณะที่ป้องกันติดเชื้ออาการปานกลางได้ถึงร้อยละ 83.7 และป้องกันการติดเชื้ออาการรุนแรงถึง 100 เปอร์เซ็นต์ถือว่ามีประสิทธิภาพดี จึงขอให้ประชาชนมั่นใจเราไม่สามารถจะนำตัวเลขประสิทธิผลของวัคซีนมาเปรียบเทียบโดยตรงได้ ต้องพิจารณาข้อมูลอื่นประกอบด้วย เช่นศึกษาในกลุ่มประชากรใด อย่างบุคลากรทางการแพทย์มีความเสี่ยงในการติดเชื้อจำนวนมาก หรือศึกษาในพื้นที่ใด หากเป็นพื้นที่ระบาดก็มีโอกาสติดเชื้อมาก ผลการศึกษาจึงนำมาเทียบกับการศึกษาในชุมชนทั่วไปไม่ได้
นายแพทย์นครกล่าวต่อว่า ส่วนวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นวัคซีนหลักของประเทศไทย จำนวน 61 ล้านโดส มีข้อมูลตีพิมพ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2564 ว่า มีประสิทธิภาพป้องกันต่อไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์ B.1.1.7 หรือสายพันธุ์อังกฤษได้ร้อยละ 70.4 ส่วนไวรัสที่ยังไม่มีการกลายพันธุ์ป้องกันได้ร้อยละ 81.5 ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือการควบคุมโรคให้รวดเร็ว เนื่องจากยิ่งปล่อยให้มีการระบาดอาจเกิดการกลายพันธุ์ขึ้นได้ ซึ่งเราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า การกลายพันธุ์จะเป็นอย่างไร อาจทำให้ติดเชื้อง่ายหรือยากขึ้น ความรุนแรงมากขึ้น เท่าเดิม หรือน้อยลง หรือจะกระทบกับวัคซีนหรือไม่ ดังนั้น ต้องพยายามหยุดการระบาดโดยเร็ว
ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมมากที่สุด เร็วที่สุด จะช่วยหยุดสถานการณ์การระบาด ขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อวัคซีนและมารับวัคซีนที่โรงพยาบาลตามที่นัดหมาย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news