สรุปประเด็น : ศึกดราม่า “อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม” กับ “ทนายอนันต์ชัย”

ศึกดราม่า “อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม” กับ “ทนายอนันต์ชัย” กรณีความขัดแย้งระหว่าง “อาจารย์เบียร์ คนตื่นธรรม” หรือ นายสัญชัย วันพิรัตน์ ฆราวาสสอนธรรมะชื่อดัง กับ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง หรือ “ทนายกระดูกเหล็ก” กลายเป็นประเด็นร้อนที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ หลังจากที่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท, พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบคำพูดในไลฟ์สดของอาจารย์เบียร์ ว่ามีการพาดพิงบุคคลสำคัญหรือหมิ่นประมาทพระเกียรติคณะสงฆ์หรือไม่ โดยเฉพาะถ้อยคำที่เกี่ยวข้องกับมหาเถรสมาคม ซึ่งถูกมองว่าอาจเข้าข่ายดูหมิ่นและกระทบต่อความศักดิ์สิทธิ์

ต่อมา ในวันที่ 9 มกราคม 2568 นายอนันต์ชัย ได้นำทีมทนายความเข้าแจ้งความที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวหาอาจารย์เบียร์ใน 3 ข้อหา ได้แก่

-หมิ่นประมาท

-ฝ่าฝืน พ.ร.บ.คณะสงฆ์

-ฝ่าฝืน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

นายอนันต์ชัยระบุว่า คำพูดของอาจารย์เบียร์ในไลฟ์สดเดือนกันยายน 2567 มีเนื้อหาโจมตีมหาเถรสมาคม เช่น กล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินขอบเขต ไม่เป็นไปตามพระวินัย และนำอำนาจทางโลกมาใช้เหนือธรรมะ ซึ่งถือเป็นการหมิ่นเกียรติอย่างรุนแรง อาจารย์เบียร์ได้ออกมาชี้แจง พร้อมอาจารย์เบียร์ปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นพระภิกษุหรือปรามาสครูบาอาจารย์ แต่ต้องการแสดงความคิดเห็นตามหลักธรรมะของพระพุทธเจ้าเท่านั้น

ในกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าดูหมิ่นร่างของเกจิครูบาอาจารย์ว่าไม่เน่าเปื่อย อาจารย์ชี้แจงว่าเป็นการพูดเชิงหลักธรรมะ โดยเปรียบเทียบว่าสภาพร่างกายที่ไม่เน่าเปื่อยไม่ได้บ่งบอกถึงความศักดิ์สิทธิ์เสมอไป

ฝ่ายทนายอนันต์ชัย: ยืนยันว่า การฟ้องร้องครั้งนี้ไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ต้องการปกป้องพระศาสนา และต้องการให้อาจารย์เบียร์ไปขอโทษมหาเถรสมาคม

ฝ่ายอาจารย์เบียร์: พร้อมจะขอขมาพระผู้ใหญ่ หากคำพูดของตนรุนแรงเกินไป แต่ยังยืนยันว่าไม่เคยมีเจตนาดูหมิ่น

ในโลกออนไลน์ ประเด็นนี้กลายเป็นหัวข้อถกเถียงอย่างกว้างขวาง โดยมีทั้งผู้สนับสนุนอาจารย์เบียร์ในฐานะผู้วิจารณ์เชิงหลักธรรมะ และผู้สนับสนุนทนายอนันต์ชัยในฐานะผู้ปกป้องคณะสงฆ์และมหาเถรสมาคม บทสรุปที่ยังรอการตัดสิน ทั้งสองฝ่ายต่างยืนยันเจตนาที่จะปกป้องพระศาสนา แต่ใช้วิธีการและมุมมองที่แตกต่างกัน ประเด็นนี้จึงยังต้องรอการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่และกระบวนการยุติธรรมว่าจะสิ้นสุดลงอย่างไร