สธ.พบอัตราตายโควิดส่วนใหญ่อ้วนเกิดภาวะแทรกซ้อนง่าย
สธ.พบอัตราผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ส่วนใหญ่ มีน้ำหนักเกิน ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ปอดได้ง่าย หารือเลื่อนฝึกทหาร 2 เดือน
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ร่วมกันแถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดย ประเด็นแรกคือ เรื่องของสถานการณ์การแพร่ระบาด ซึ่งขณะนี้พบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือว่าภาพรวมสถานการณ์ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงวันจันทร์-อังคารนี้ ว่าจำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มหรือลดลง และอาจจะมีการเพิ่มมาตรการ
ซึ่งขณะนี้ ศบค.สธ. ได้มีการประชุมและก็จะมีการเสนอมาตรการการเพิ่มยกระดับ ให้ ศบค.ชุดเล็กต่อไป ทั้งนี้จะพบว่า อัตราผู้เสียชีวิตในระลอกนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีน้ำหนักเกิน เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่น่าสังเกตว่า การเสียชีวิตของผู้ป่วยในรอบนี้เกี่ยวพันกับเรื่องของคนอายุน้อยแต่มีน้ำหนักเกินเป็นจำนวนมากจึงขอให้ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วนระมัดระวัง เพราะจะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ปอดได้ง่ายจนถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มนี้ เพื่อป้องกันการเสียชีวิตต่อไป
นอกจากนี้ความร่วมมือจากประชาชน ในด้านของการลดการรวมตัวกินเลี้ยงสังสรรค์ หรือ ลดการเดินทางก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ หลังพบว่าขณะนี้ก็ยังมีคนพบบางคนลอบจัดปาร์ตี้ จับกลุ่มดื่มสุรา ซึ่งการกระทำลักษณะทำผิดกฎหมายหลายข้อ จึงจำเป็นต้องบังคับใช้มาตรการอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ยังยืนยันว่า ไม่มีเศรษฐีอินเดีย หนีมายังประเทศไทย
โดยตรวจสอบแล้วไม่พบเครื่องบินจากอินเดียมาลงที่สนามบินนานาชาติใด ๆ มีแต่คนไทยในอินเดียที่ประสานขอกลับบ้าน ในช่วงต้นพ.ค.นี้ ขณะที่ยาฟาวิพิราเวียร์ ที่ใช้ในการรักษาโควิด-19 นั้น พบว่า ล่าสุดมีอยู่ในสต๊อกกว่า 1 แสนเม็ด มีการใช้วันละประมาณ 1-2 หมื่นเม็ด ซึ่งในคืนนี้ช่วง 01.00 น. คืนนี้ ยาจะเข้ามาอีก 2 ล้านเม็ด โดยหลังจากนี้จะมีการกระจายยาไปยังจุดต่าง ๆ ต่อไป ยืนยันมีเพียงพอ และจะสั่งเพิ่มเติมมาอีก 2 – 3 ล้านโดส ด้วย
สำหรับการฝึกทหารใหม่ ที่จะจัดขึ้น ในวันที่ 1 พ.ค. 64 นั้น จากการหารือร่วมกับผู้แทนกระทรวงกลาโหม เห็นว่าสถานการณ์การระบาดยังมีอยู่จึงให้เลื่อนออกไปก่อน 2 เดือน คือเริ่มในช่วงเดือน ก.ค. 64 น่าจะเหมาะสม แต่หากปลายเดือน มิ.ย. สามารถฉีดวัคซีนให้กลุ่มทหารฝึกใหม่ได้ก็น่าจะสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news