ศบค. ยืนยัน สกัดกั้นการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย อย่างเข้มข้น ผู้ป่วยชาวอินเดีย 7 ราย เดินทางมาเมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมาโดยเครื่องบินพาณิชย์ และมีเอกสารครบถ้วน
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ศบค. ชี้แจงเพิ่มเติมเพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน ต่อกรณีข่าวว่ามีเครื่องบินเช่าเหมาลำของชาวอินเดีย เดินทางมายังประเทศไทย ว่า ไม่เป็นความจริง รัฐบาลดำเนินนโยบายเข้มข้นด้วยความระมัดระวังเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคผ่านทุกช่องทางเพื่อป้องกันการเล็ดลอดของเชื้อ โควิดอินเดีย และได้ชะลอการยื่นขอใบอนุญาตเดินทางเข้าประเทศ (COE – Certificate of Entry) ของชาวต่างชาติที่ประสงค์เดินทางมาจากประเทศอินเดียออกไปก่อน จะรับเพียงคนไทยที่ประสงค์เดินทางกลับบ้านและได้ลงทะเบียนไว้เท่านั้น
- กต.ย้ำอินเดียบินเข้าไทย17เม.ย.ไม่ใช่กลุ่มเช่าเหมาลำ
- “หมอยงค์”ยันวัคซีนโควิดไทยมีประสิทธิภาพ(มีคลิป)
- สธ.พบอัตราตายโควิดส่วนใหญ่อ้วนเกิดภาวะแทรกซ้อนง่าย
- ศบค.ปัดอินเดียแห่บินเข้าปท.เสียใจคนท้องติดโควิดตาย
- ทั่วโลกติดโควิดกว่า147ล้าน-สหรัฐอินเดียบราซิลยังวิกฤติ
ส่วนกรณีชาวอินเดีย จำนวน 7 คน ที่เข้ารับการรักษาตัวอยู่นั้น เดินทางเข้าประเทศไทยโดยสายการบินพาณิชย์ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2564 สายการบินอินเดียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ AI 0332 ตามข้อกำหนดอนุญาต (บุคคล 11 กลุ่ม) เช่น นักลงทุน นักธุรกิจ มีครอบครัวไทย มีใบอนุญาตทำงาน และเข้ามารักษาพยาบาล(กรณีไม่ใช่โรคโควิด) เป็นต้น โดยในเที่ยวบินดังกล่าว มีผู้โดยสารทั้งสิ้นจำนวน 149 คน เป็นคนอินเดีย คนไทย และสัญชาติอื่นๆ จึงไม่ใช่เครื่องเช่าเหมาลำตามข่าวแต่อย่างใด โดยขณะนี้ทั้งหมดยังอยู่ในช่วงกักกันโรค และกำลังอยู่ในช่วงการตรวจหาเชื้อเป็นระยะๆเพื่อไม่ให้ผู้ติดเชื้อเล็ดลอดออกไปได้ สำหรับ 7 รายข้างต้น เมื่อเดินทางมาถึงไทย ตรวจพบเชื้อ จึงส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาล ตามมาตรการที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการอนุญาตเครื่องบินเช่าเหมาลำทำการบินเข้าประเทศไทยยังชี้แจ้ง ปฏิเสธกระแสข่าวที่มีเศรษฐีชาวอินเดียเดินทางออกนอกประเทศเพื่อหนีจากสถานการณ์โรคโควิดระบาด โดยใช้เครื่องบินเช่าเหมาลำมาที่ประเทศไทย โดยยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ส่วนกองทัพอากาศที่จัดเครื่องบินไปรับคณะของผู้ช่วยทูตทหารจากประเทศอินเดียกลับไทยในช่วงเวลานี้ ผู้ที่เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยต้องดำเนินการตามมาตรการเช่นกัน
ดังนั้น เพื่อปรับข้อบังคับให้เป็นไปตามสถานการณ์และเพื่อควบคุมสะกัดกั้นเชื้อโควิด 19 จากอินเดีย ศปก.ศบค. อนุมัติการชะลอการเดินทางเข้าประเทศไทย จากประเทศต้นทาง คือ อินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ รวมทั้งเพิ่มมาตรการการกักตัวเป็น 21 วัน อีกด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลขอให้ความมั่นใจว่าการดำเนินการต่างๆ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด เช่น ขั้นตอนการเข้าเมือง การ Quarantine และตรวจหาเชื้อ ยังคงดำเนินการตามมาตรการอย่างเข้มข้น เพื่อป้องกันการนำเข้าเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์ที่ระบาดในอินเดีย ที่จะทำให้สถานการณ์ในประเทศแย่ลง และส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนให้ลดลง ตามที่ ศ. นพ ยง ภู่วรวรรณ ได้ให้ข้อมูลไว้ด้วย รวมทั้ง ไม่มีการให้อภิสิทธิ์แก่ผู้ใด อย่างแน่นอน ชีวิตและความปลอดภัยของคนไทย คือสิ่งสำคัญที่สุดที่รัฐบาลต้องดูแลและป้องกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news