อนุชา เดินหน้าปรับผังรายการ ขยายเวลา ช่วยให้ ปชช. เข้าถึงสถานพยาบาลรักษา โควิด -ไทยเร่งเจรจาสิทธิบัตร“ฟาวิพิราเวียร์”เพื่อผลิตในประเทศเพิ่ม
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้สั่งการให้กรมประชาสัมพันธ์ สร้างช่องทางการประสานงาน ส่งต่อ และติดตาม การให้ความช่วยเหลือ ระหว่างประชาชนกับสถานพยาบาล ในช่วงสถานการณ์ โควิด -19 ตั้งแต่วันศุกร์ ที่ 23 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา พบว่ามีประชาชนได้ประสานเพื่อขอรับการช่วยเหลือ และสอบถามข้อมูลเรื่องต่างๆ เป็นจำนวนมากขึ้นทุกวัน
จึงได้สั่งการให้มีการขยายเวลาการออกอากาศเพิ่มเติม จากเดิม 10.00-11.30 น. เป็น ช่วงเช้า 09.00-11.30 น. และช่วงบ่าย 14.00-15.00 น. และเปิดรับสายประชาชน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยจะเริ่มใช้ช่วงเวลาใหม่ ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป เพื่อเป็นที่พึ่งและสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเต็มที่และทั่วถึง
ทั้งนี้ ผู้ต้องการขอรับความช่วยเหลือ ขอคำแนะนำ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ผ่านทาง NBT2HD สามารถติดต่อได้ทาง โทร. 02-275-4225 (10 คู่สาย) Facebook: เพจ Live NBT 2HD และ เพจ NBT 2HD
ไทยเร่งเจรจาสิทธิบัตร “ฟาวิพิราเวียร์” เพื่อผลิตในประเทศเพิ่มความมั่นคงเวชภัณฑ์ยา พร้อมพิจารณาเปิดช่องทางประชาชนร่วมแก้ไขสถานการณ์โควิด-19
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ติดตามความคืบหน้าการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 อย่างใกล้ชิดรับฟังประเด็นที่ยังเป็นปัญหาและมีข้อสั่งการให้แก้ไขให้เร็วที่สุด พร้อมกับย้ำกับหน่วยงานที่รับผิดชอบการดูแลจัดหายา และเวชภัณฑ์อื่นๆ ให้เพียงพอ
ทั้งนี้ ในส่วนของยารักษาโรคโควิด-19 นั้น ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ทราบว่า หลังจากได้สั่งยาฟาวิพิราเวียร์ที่ใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 จากญี่ปุ่นเข้ามาให้เพียงพอต่อการใช้ในประเทศ ขณะนี้ได้กระจายไปยังหน่วยบริการต่างๆ ทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนทั่วประเทศแล้ว
และขณะนี้ได้อยู่ระหว่างให้องค์การเภสัชกรรมเร่งดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อเจรจาเกี่ยวกับสิทธิบัตร เพื่อให้ได้สิทธิผลิตยาชนิดนี้ในประเทศไทยได้เอง ในขณะที่โรงพยาบาลเอกชนนั้นก็ยังสามารถนำเข้ายาชนิดนี้ได้รัฐไม่ได้มีการผูกขาดนำเข้าแต่อย่างใด
สำหรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าจะต้องดำเนินการจัดหาวัคซีนที่ได้มาตรฐานโดยไม่ได้จำกัดผู้ผลิตว่าต้องเป็นรายใดให้ได้จำนวนมากที่สุดและให้กระจายวัคซีนให้ทั่วถึงประชาชนตามแผนที่วางไว้ กระจายไปให้ทุกจังหวัดทั้งรัฐและเอกชน และให้โรงพยาบาลเอกชนช่วยกระจายวัคซีน ดูแลระบบการให้วัคซีนให้มีปรระสิทธิภาพไม่ให้เกิดปัญหาระบบล่ม
นอกจากจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้เห็นว่าขณะนี้มีประชาชนหลายภาคส่วนต้องการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของบุคลากรสาธารณสุขหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น จึงได้ให้มีการพิจารณาว่า จะสามารถเปิดช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมในช่วยเหลือเร่งแก้ไขสถานการณ์นี้ได้อย่างไร นอกจากนี้ ยังขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆของภาครัฐ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ให้เอาจริงเอาจังกับการฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news