ศบค. แจงลงทะเบียนรับวัคซีนทำได้ 3 วิธี ไม่จำเป็นต้องทำวันที่ 1 พ.ค. ย้ำของดเดินทาง ไม่ใช่ห้าม หากจำเป็นยังทำได้
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวว่า มีรายงานการกระจายของผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ที่มีประวัติเชื่อมโยงกับสถานบันเทิง ที่พบใหม่ในเดือนเมษายน ทั้งหมด 7,755 ราย แบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 6,828 ราย ต่างจังหวัด 831 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคอีก 96 ราย ส่วนศูนย์แรกรับและส่งต่อ มีเจตนาที่ตั้งขึ้นคือคนที่หาเตียงไม่ได้ แต่มีอาการป่วยหนักต้องได้รับการรักษา ทั้งนี้จะต้องเข้าไปตรวจซ้ำ เพื่อแยกว่ามีอาการอย่างไร และหากมีอาการหนักมากจะส่งต่อ หรือหากเป็นกลุ่มสีเหลืองก็สามารถรับการรักษาได้เลย ซึ่งจะเบ็ดเสร็จในจุดเดียว สามารถโทร 02-079-1000 ซึ่งเอกชนสนับสนุน 40 คู่สาย ทั้งนี้ประชาชนที่รอการแอดมิด สามารถโทรที่ศูนย์นี้ได้เลย โดยที่นี้จะมีเครื่องมือแพทย์ รถชีวนิรภัย เครื่องเอกซเรย์ และบุคลากรทางการแพทย์ดูแลอยู่ โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำ ว่าจะต้องกระจายศูนย์แรกรับไปยังพื้นที่สี่มุมเมือง โดยทุกอย่างจะต้องรวมศูนย์ในการบริหารจัดการให้ได้
นอกจากนี้ย้ำถึงการลงทะเบียนฉีดวัคซีน ผ่านแอปพลิเคชั่นหมอพร้อมว่า ในการลงทะเบียนรับวัคซีนสำหรับกลุ่มเป้าหมายและประชาชนทั่วไปสามารถดำเนินการได้ 3 ระบบ
1. การไปแจ้งโรงพยาบาลที่เป็นเจ้าของไข้
2.หากสุขภาพดีสามารถแจ้งกับ อสม. ไว้ได้เลยว่ายินดีจะเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีน
3. ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม
ระบบหลักจึงไม่ใช่แค่หมอพร้อม และไม่ใช่ว่าจะต้องลงวันที่ 1 พ.ค. ทีเดียว แต่สามารถทยอยลงได้ เพราะหากลงพร้อมกันก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการรองรับของระบบ
ทั้งนี้ ยืนยันว่าการขอให้งดการเดินทาง เป็นเรื่องที่สำคัญ และไม่ใช่การประกาศห้ามเดินทาง ซึ่งด่านตรวจไม่ว่าจะเป็นฝ่ายความมั่นคงหรือตำรวจ จะไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนในการเดินทาง เพียงแต่ใช้การสอบถาม และขอความร่วมมือหากไม่จำเป็นขอให้เลื่อนการเดินทางไปก่อน นอกจากนี้ ในการออกข้อกำหนดในครั้งนี้ผู้ประกอบการอาจได้รับผลกระทบซึ่ง ศบค. รับฟังในทุกเสียง ครั้งนี้แตกต่างกว่าทุกครั้ง จึงขอให้ประชาชนอดทน โดยนายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค.ได้มอบหมายให้ ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ดูแลผู้ได้รับผลกระทบหลังจากนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news