Home
|
ทั่วไป

ศบค.ห่วงปัญหาเตียง-ลุยตรวจ กทม. พบ5เขตระบาด

Featured Image
ศบค. ห่วงปัญหา เตียงผู้ป่วย ขอหากสงสัยว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงให้หยุดอยู่บ้านทันที พร้อมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เร่งตรวจเชิงรุกชุมชนถึง 11 พ.ค. นี้ –  กทม. พบ 5 เขตระบาด

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เผยว่า ในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 หรือ ศปก.ศบค. มีการพูดคุยถึงเรื่อง เตียงผู้ป่วย ที่พบว่ามีการต้องการมากขึ้น และมีแนวโน้มมีผู้ป่วยอาการหนักเพิ่มขึ้นจากอาการปอดอักเสบ

นอกจากนี้ พบพื้นที่ที่มีการระบาด อาทิ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 31 ราย, คลองเตย 15 ราย, ปทุมวัน 18 ราย, ดินแดง 12 ราย และลาดพร้าว 12 ราย ซึ่งได้มีการตรวจเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง

ส่วนการฉีดวัคซีนเข็มที่หนึ่ง จำนวน 10,963 ราย จำนวนผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่สอง 2,269 ราย รวม 13,232 โดยจำนวนการได้รับวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. -8 พ.ค. 1,743,720 โดส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบุคลากรทางการแพทย์

ส่วนหากอยู่ในเขตกลุ่มเสี่ยงของพื้นที่ กทม. มีมาตรการตรวจผู้ติดเชื้ออย่างไรเพื่อให้คนที่อยู่ในพื้นที่มีความสบายใจมากขึ้น นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า หากสงสัยว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือติดเชื้อ ขอให้หยุดอยู่ที่บ้านลดการเคลื่อนย้าย และใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เช่น ชุมชนคลองเตย ความเสี่ยงสูงใน 39 ชุมชน ตอนนี้มีการตรวจเชิงรุกต่อเนื่องกันทุกวัน

ซึ่งประชาชนสามารถเข้ารับการบริการได้ รวมถึงพื้นที่อื่นๆ เช่น เขตดุสิตที่ชุมชนบ้านญวน สะพานขาว ตรวจเชิงรุกตั้งแต่วันนี้ -11 พ.ค.64, ที่ประตูน้ำ เขตราชเทวี จะตรวจเชิงรุกวันที่ 11 พ.ค.64, แฟลตดินแดง ชุมชนย่านพระราม 9 จะตรวจเชิงรุกวันที่ 10-11 พ.ค.64 และเขตป้อมปราบฯ แถวตลาดโบ๊เบ๊ จะตรวจวันที่ 11 พ.ค.64

 

โควิด-ผู้ป่วย--กทม.

 

กทม. รักษาผู้ป่วยโควิดหาย ส่งกลับบ้านแล้ว 2,432 ราย อยู่ระหว่างรักษา 1,930 ราย

นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการแพทย์ สำนักอนามัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการตรวจเชิงรุกและนำส่งผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาที่โรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และ hospitel ดำเนินการดูแลรักษาผู้ป่วยที่แสดงอาการและไม่แสดงอาการมาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.63 – 9 พ.ค.64 มีผู้ป่วยติดเชื้อ 4,411 ราย รักษาหายกลับบ้าน 2,432 ราย ย้ายไปโรงพยาบาลนอกสังกัด จำนวน 27 ราย และเสียชีวิต 22 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 1,930 ราย

เตียงผู้ป่วย-กทม.

 

ส่วนสถานที่สำหรับผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ(รพ.สนาม/hospitel) จำนวน 9 แห่ง และสถานที่สำหรับรักษาผู้ป่วยที่แสดงอาการ (รพ.สังกัดกทม.) จำนวน 8 แห่ง กทม. ได้นำส่งผู้ป่วยเข้าระบบการรักษาของโรงพยาบาล โดยศูนย์เอราวัณ 1669 โดยตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. -8 พ.ค.64 ศูนย์เอราวัณรับผู้ป่วย 4,611 ราย เข้ารับการรักษา 4,159 ราย แบ่งเป็นรักษาในโรงพยาบาลสังกัดกทม. 2,892 ราย รักษาในโรงพยาบาลอื่น จำนวน 1,267 ราย

 

นายกฯ เตรียมตรวจความพร้อม จุดฉีดวัคซีนภาคเอกชน 3 จุดกทม.”เซ็นทรัลลาดพร้าว-สามย่านมิตรทาวน์-เดอะมอลล์บางกะปิ” ก่อนดีเดย์ฉีดให้ปชช.กลุ่มเป้าหมาย

มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีกำหนดการตรวจเยี่ยมและติดตามการทดลองระบบการฉีดวัคซีน ที่จุดฉีดวัคซีนโควิด-19 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ก่อนที่จะเปิดให้บริการประชาชนในวันที่ 12 พ.ค. โดยจะให้บริการ 1,000 คน ต่อวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายคือเจ้าหน้าที่ด่านหน้า และกลุ่มอาชีพเสี่ยง เช่น พนักงานจัดเก็บขยะของ 50 เขต ครู ซึ่งสำนักอนามัยจะบริหารจัดการจำนวนผู้เข้ารับบริการในแต่ละวัน

นอกจากนี้ ในวันที่ 13 พ.ค. นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการตรวจเยี่ยมจุดฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่สามย่านมิตรทาวน์ และจามจุรีสแควร์ ขณะที่ในวันที่ 14 พ.ค.วันนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการตรวจเยี่ยมจุดฉีดวัคซีนเดอะมอลล์บางกะปิ

สำหรับจุดฉีดวัคซีนดังกล่าวนั้น เป็นความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานคร หอการค้าไทย โรงพยาบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเตรียมสถานที่ฉีดวัคซีนของภาคเอกชน หรือ“หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย” เพื่อให้สามารถให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน

โดยเพิ่มสถานที่จากเดิม 14 จุด เป็น 25 จุด เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงโดยเร็วที่สุด โดยมี Model ต้นแบบ คือ เซ็นทรัลลาดพร้าว สามย่านมิตรทาวน์ และเดอะมอลล์ บางกะปิ ซึ่งเซ็นทรัลลาดพร้าวร่วมมือกับโรงพยาบาลรามาธิบดี สามย่านมิตรทาวน์ร่วมมือกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และเดอะมอลล์ บางกะปิร่วมมือกับโรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube