ชาวชุมชนริมคลองสามเสน วอนหน่วยงานรัฐช่วยเหลือ หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด 41 ราย แต่ยังถูกกักตัวในบ้าน รอดูอาการ 80 ราย
นายสมนึก ทัพน้อย อดีตประธานชุมชนริมคลองสามเสน พร้อมชาวชุมนุมริมคลองสามเสน ออกมาเรียกร้องหน่วยงานภาครัฐเข้าไปให้การช่วยเหลือ หลังจากมีการตรวจพบผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมาก แต่ยังคงกักตัวเองอยู่ในบ้าน
นายสมนึก เปิดเผยว่า หลังจากพบผู้ติดเชื้อโควิค-19 อยู่ภายในชุมชนริมคลองสามเสน ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมาจนผ่านไปแล้ว 1 เดือน พึ่งจะมีเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตราชเทวี เข้ามาให้เข้ารู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวช่วงกักตัวและแจกเจลแอลกอฮอล์กับหน้ากากอนามัย เมื่อวานนี้ ถึงแม้จะมีการร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ จนผู้ป่วยเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจากการสำรวจภายในชุมชนพบผู้ติดเชื้อ 41 ราย กักตัวอยู่ภายในที่พักอาศัย เพื่อรอดูอาการ 80 ราย โดยมีคณะกรรมการของชุมชนริมคลองสามเสน คอยดูแลและทำอาหารปรุงสดใหม่ทุกวันวันละ 3 มื้อ นำไปแจกจ่ายให้กับ ผู้ที่กักตัวอยู่ภายในที่พักอาศัยและคนพิการที่ไม่สามารถเดินทางออกจากบ้านได้ ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาจากการรวบรวมเงินคนละ 20 บาท จาก 328 ครัวเรือน เพื่อมาช่วยเหลือในตรงนี้
อดีตประธานชุมชนฯ ยังกล่าวอีกว่า ช่วงบ่ายวันนี้ทางคณะกรรมการชุมชนจะนำหนังสือร้องเรียนไปยื่นที่ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ถึงผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ เพื่อขอให้มีการดำเนินการตรวจแบบเชิงรุกภายในชุมชนริมคลองสามเสนอย่างเร่งด่วน หรือส่งรถพระราชทาน มาตั้งจุด swab เพราะชาวบ้านเดือดร้อนกันเป็นอย่างมาก และเกรงว่าภายในชุมชนจะเป็นจุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ตาม วันนี้ทางสำนักงานเขตราชเทวี ได้ส่งเจ้าหน้าที่พร้อมรถกระบะมีหลังคามารับส่งประชาชนชุมชนริมคลองสามเสนผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ที่จัดลงทะเบียนไว้ 50 คน นำไปทำการ swab เพื่อตรวจหาเชื้อที่โรงเรียนกิ่งเพรช ถนนเพชรบุรี แขวง ราชเทวี เขตราชเทวี ซึ่งเป็นจุดตรวจของเขตราชเทวี ส่วนผู้ที่ต้องการไปตรวจ ทางสำนักงานเขตได้แจ้งกับประธานชุมชนว่า ยังต้องรอไปก่อน เนื่องจากคิวคนรอตรวจเป็นจำนวนมาก ขณะที่บรรยากาศภายในโรงเรียนกิ่งเพรช มีประชาชนมารอตรวจ จำนวน 500 ราย เต็มอัตราของวันนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่จัดระเบียบในการเข้าคิวรอตรวจและเว้นระยะห่าง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news