‘@ทำท่าว่าเรื่อง ”ลุงโควิดใหญ่กว่างานดนตรี ”เขาใหญ่”สั่งเลิก คอนเสิร์ต Big Mountain จะไม่จบลงง่ายๆ เหมือนกับงานดนตรี ”สิงห์” ที่เชียงราย ที่ชัดๆ จะแจ้งกว่าจนทำท่าว่าจะบานปลายยาวไปเป็นประเด็นทางการเมือง มีการเปรียบเทียบงานอื่นๆ แบบลามทะลุไปเรื่อย จน”ลุงทำเนียบ”ต้องออกมาแจงเมื่อวาน ยืนยันอีกรอบว่า การสั่งยกเลิก คอนเสิร์ต Big Mountain ไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นอำนาจของ ผู้ว่าฯ และต้องชมศบค.โคราช ก่อนจะออกตัวว่า ช่วงเทศกาลฉลองปีใหม่ เค้าท์ดาวน์สามารถจัดงานได้ แต่ต้องมีมาตรการรองรับ เพราะถ้าเกิดการแพร่ระบาดต่างจังหวัดลามเข้ามาใน กทม. จะหนัก หากเกิดการแพร่ระบาดใครจะรับผิดชอบก็ต้องรัฐบาลอีก ยันไม่เกี่ยวการเมือง เพราะตนยังไม่รู้เลยว่าจะมีกิจกรรมอะไรในคอนเสิร์ต และยอมรับว่ากำลังคิดว่าอาจนำ พรก.ฉุกเฉิน ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน กลับมาใช้อีกรอบ หากสถานการณ์ถึงจุดนั้นก็ต้องแบบเดิม เพื่อป้องกันการระบาดเข้ากทม.ที่ต้องชัตดาวน์ กันอีก https://youtu.be/COpqy__HkCM @เรียกว่าประเด็น Big Mountain ทำให้ ”ลุง” รวมถึงฝ่ายเกี่ยวข้อง ถูกตั้งข้อคำถามไม่น้อยกับเรื่องการยกเลิกงานกลางครันในวันที่ 2 ของงาน ที่แม้มีการอ้างประเด็นสาวใหญ่ที่มีอาการไข้ แต่ก็ยังคงมีการเชื่อมภาพไปถึงกิจกรรมการแสดงออกบนเวทีและผู้เข้าร่วมงานที่มีการแสดงออกทางสัญลักษณ์ ที่ไม่ต่างไปจากกิจกรรมเวทีการชุมนุมของม็อบเด็กราษฎร ที่โฟกัสการโจมตี ”ลุง”และการแสดงออาการ”ทะลุเพดาน”ที่ถือเป็นประเด็นสำคัญ ในจังหวะสถานการณ์ ”โควิด” เฟส2 ที่มาจาก”ท่าขี้เหล็ก” กำลังถูกนำมาเป็นประเด็นในการออก ”บทขยาย” การใช้พรก.ฉุกเฉินที่ค้างคา โดยมุ่งไปที่ ”การชุมนุม” ถึงกับมีข่าวจะนำมาใช้กับ”ม็อบเด็ก” รวมถึงม็อบอื่นเช่น ”ม็อบจะนะ” ที่กำลังรอฟังคำตอบจาก ”ลุง” หน้าทำเนียบฯ นอกจากการใช้ ม.116 และม.112 ที่ยังคงมีปัญหาท่าทีกับเด็ก”แกนนำราษฎร”ที่ถูกดำเนินคดี @ไม่ว่าจะเป็น”ข้อสังเกต”จาก”รังสิมันต์ โรม” ที่ล้อไปกับท่าทีการออกมาขู่ใช้พรก.ฉุกเฉิน ของ”ลุง”ที่ว่าประเด็น”บิ๊กเมาน์เท่น” คืออีกหนึ่งตัวอย่างปัญหาที่มาจากการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ที่แม้”ผู้ว่า”จะมีการอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 เป็นข้อกฎหมายหลักในการสั่งปิดงาน แต่เมื่อมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและออกข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาประกอบกันแล้ว จะส่งผลทางกฎหมายทำให้”พนักงานเจ้าหน้าที่”ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในการระงับหรือป้องกันการกระทําผิดกฎหมาย ที่ในทางปฏิบัติทำให้เจ้าหน้าที่รัฐกล้าใช้อำนาจละเมิดสิทธิลิดรอนเสรีภาพของประชาชนโดยไม่กลัวถูกฟ้องร้องดำเนินคดี @โดย”รังสิมันต์”บอกว่า ให้ลองนึกทบทวนดูด้วยว่าตลอดเกือบ 9 เดือนที่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมา เราเจอกับกรณีสนามมวยของกองทัพ ที่วันนี้ผู้รับผิดชอบกลับมาทำหน้าที่ตำแหน่งเดิมแล้ว กรณีแขก VIP ที่ติดเชื้อเข้ามาที่ระยอง กรณีความหละหลวมของการควบคุมชายแดน ได้เห็น ตำรวจ ตชด. ถูกเกณฑ์มาปราบผู้ชุมนุม เห็นงานชุมนุมคนของราชการยังจัดกันอยู่มากมายทั่วประเทศในเวลาเดียวกันกับที่ Big Mountain ถูกสั่งปิด โดยเขาสรุปว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้ช่วยอะไรมากไปกว่าช่วยให้เจ้าหน้าที่สบายใจเวลาจะใช้อำนาจ ในขณะที่ถ้าจะควบคุมโรคกันอย่างจริงจัง กฎหมายและการบริหารราชการตามปรกติสามารถจัดการกับกรณีปัญหาที่ยกมาได้ทั้งหมดแต่ที่ยังใช้ พรก. มาจนทุกวันนี้ เพราะเสพติดการใช้อำนาจแบบไม่ต้องรับผิดชอบมาตั้งแต่สมัย คสช. @ทั้งหมดทั้งมวลต้องติดตามว่า จากเรื่อง”ลุง”ใหญ่กว่า”เขาใหญ่”นี้ จะขยายลุกลามไปในระดับใด ในจังหวะที่”การบ้าน”ก็อยู่ในช่วงการ”ผงกหัว”ทางเศรษฐกิจ ที่ปลายปีจะมี”อีเว้นท์”เพียบที่จะนำมาซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งก็รวมถึงงาน”เคาน์ดาวน์”ที่”ลุง”ว่า ในขณะ”การเมือง”ก็ไม่เบากับ”ม็อบเด็ก”และม็อบปัญหาอื่นๆ บนถนน ที่ยังไม่มีใครการันตีได้ว่า ฉากของ ”เขาใหญ่” จะเหมือนดังเช่นฉากบนถนนที่กรุงเทพกับ ”ม็อบเด็ก” ที่มีหนทางไปสู่การ ”ทะลุเพดาน” หรือจะแตกต่าง แต่ที่แน่ๆประเด็นเหล่านี้ มีการประเมินว่า ถึงที่สุด จะถูกมัดรวม โดย ฝ่ายค้าน นำไป เปิดซักฟอก อภิปรายไม่ไว้วางใจ”ลุง”ที่เริ่มมีการกำหนดคร่าวๆ แล้วว่า ราวต้นปี ที่ ”ลุง” เมื่อวาน ก็ท้าให้ ซักฟอก มาได้เลย และไม่เชื่อว่า จะถึงขนาดต้อง”ช็อก”เหมือนอย่างที่”ฝ่ายค้าน”จั่วหัวคุยไว้ เพราะไม่ใช่คนใจอ่อนและข้อเท็จจริงก็มีอยู่แล้ว
ข่าว
“เขาใหญ่”เล็กกว่า”ลุงโควิด”
15 ธันวาคม 2020 - 08:05