Home
|
บันเทิงไทย

“ก๊อต” สามีแห่งชาติคนล่าสุด เคลียร์ข่าวเป็นนักแสดงติกท์แตก

Featured Image
“ก๊อต” สามีแห่งชาติคนล่าสุด เปิดใจหลังเป็นนักแสดงอิสระ พร้อมเคลียร์ข่าวเป็นนักแสดงติกท์แตก

“ก๊อต” จิรายุ ตันตระกูล  นักแสดงหนุ่มมากฝีมือ “สามีแห่งชาติ” คนล่าสุดจากละครเรื่อง กระเช้าสีดา จะเปิดเผยเส้นทางในวงการบันเทิงกว่า 10 ปี พร้อมเปิดใจหลังเป็นนักแสดงอิสระ พร้อมเคลียร์ข่าวคนเม้าท์ว่าเป็นนักแสดงติสท์แตก ในรายการ “คุยแซ่บSHOW”  ที่มี  “พีเค” ปิยะวัฒน์ และ “ใบเฟิร์น” พัสกร  เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

กระแสละครกระเช้าสีดาเป็นอย่างไรบ้าง
ก๊อต : เป็นโชคดีของผมที่ได้ร่วมงานกับพี่ปีเตอร์  ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล  พี่นุ่น (วรนุช ภิรมย์ภักดี)และกรีน( อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เพราะทำงานสนุกมาก ในละครบทบาทก็เข้มข้น ฉากที่ต้องเข้ากับอาตู่ (นพพล โกมารชุน) เราไม่ต้องเตี๊ยมกัน แต่เราไปซัด กันหน้าเซทเลย แล้วทำให้การโต้ตอบมันสนุกมาก ซึ่งมันไม่ใช่การตอบโต้ของก๊อต จิรายุ แต่มันคือการตอบโต้ของตัวละครอำพน ที่ตอบโต้ท่านจรินทร์ที่เป็นพ่อของเราจึงไม่มีเราเป็นส่วนเกี่ยวข้อง ก่อนถ่ายทำเราก็ต้องไหว้ก่อนตลอด เพราะว่าตัวก๊อตยังมีความเคารพในตัวทุกคนอยู่ แม้กระทั่งกับพี่นุ่นเอง เราต้องเล่นอะไรที่ต้องดันหัวเราเราก็ต้องขอโทษเขา ทั้งก่อนและหลัง

ได้เล่นกันนุ่นเป็นอย่างไรบ้าง
ก๊อต : พี่นุ่นไนซ์มาก และอัธยาศัยดีมาก เราเลิกเกร็งกันเลยตั้งแต่วันที่เราเวิร์คช็อปกัน กับการแสดงเราใช้พลังเยอะทุกเรื่อง พลังความคิด พลังจินตนาการ แต่เรื่องนี้ที่ต่างออกไปเพราะเราไม่เคยรับบทแบบนี้ เราไม่เคยได้รับบทที่ไม่ดุดัน ที่ผ่านมาบทของเราจะดุดัน เหี้ยมเกรียม โหดเหี้ยม เรื่องนี้ที่ใช้มากที่สุดคือเท็มโป้ ซึ่งผมตีความว่าความฉลาดของตัวละครตัวนี้ คือถ้าเขาคิดอะไรออกเขาจะยิ้มได้ มันทำให้รอยยิ้มรวมกับความฉลาดได้

เรื่องนี้คนดูบอกว่าเอะอะก็ถอดเสื้อ
ก๊อต : ก็บทมาแบบนั้น แต่เราไม่ได้ถอดทุกตอนนะ (ยิ้ม)

ตอนนี้กระเช้าสีดาหยุดถ่ายทำไปก่อน
ก๊อต : จริงๆ แล้ว หลายคนอาจจะเข้าใจว่าเราถ่ายไปออนไปหรือเปล่า จริงๆ ไม่ใช่นะครับ คือคิวแรกที่เราออกอากาศ จริงๆ มันเป็นคิวสุดท้ายที่เราจะถ่ายกันก็คือจบหมดทุกอย่างแล้ว แต่เหลือเศษนิดเศษหน่อย แต่ประเด็นแรกที่เราออกอากาศปุ๊บโควิดระลอก 3 มาพอดี แล้วมันทำให้อีกอาทิตย์หนึ่งเราไม่สามารถไปถ่ายได้ พอได้รับข่าวว่าถ่ายได้  ปรากกฎว่ามันไม่ปลอดภัยแล้ว ณ ตอนนั้น แล้วผมคิดว่าเขาตัดสินใจดี ตรงที่โพรเท็กพวกเราไม่ใช่แค่นักแสดง แต่รวมถึงทีมงานด้วย ตอนนี้มันเหลืออีกนิดเดียวที่ยังไม่จบ มันเหลือติ่งนิดๆ หน่อย คือหลังโควิดเราก็ต้องไปตามเก็บ ผมว่าเรื่องนี้มันมีความหลากหลาย บางคนก็เอาใจช่วยฝั่งของอำพนว่าเขาจะรักกันได้อย่างไร ถามว่ามันจะมีการยืดตอนไหม คือผมคิดว่าพอเราเดาทางคนดูได้แล้วว่าเขาอยากเห็นอะไร เราก็ใส่ในสิ่งที่เขาอยากเห็นเข้าไป

คิดไหมว่าเรื่องนี้จะมีคนพูดถึงเยอะขนาดนี้
ก๊อต :ไม่เคยคิดว่ามันจะขนาดนี้ แต่คิดว่ามันน่าจะออกมาดี เพราะเราเห็นเนื้องานตั้งแต่ตอนทำงานแล้ว

ปกติในการรับละครสักเรื่องต้องพิจารณาอะไรบ้าง
ก๊อต : ผมมองว่า พอผมเป็นตัวผลิตตัวละคร ถ้าผมไม่สามารถสร้างผลผลิตที่ดีให้กับลูกค้าได้ ผมไม่กล้ารับปากที่จะรับงานเขา แล้วการทำได้ไม่ดี หมายกความว่าเราไม่สามารถดีไซน์ตัวละครเพื่อซับพอร์ตคาแรกเตอร์ที่เขาอยากให้เราเป็นได้ ส่วนเกณฑ์ในการรับงาน ข้อแรกเราจะอ่านบทเพื่อหาความประทับใจในบทก่อน คือเรามองภาพรวมของเรื่องทั้งเรื่องว่ามันมีอะไรให้คนติดตามได้บ้าง

มีละครเรื่องไหนที่ส่งมาแล้วเราไม่เอาไหม
ก๊อต :โห…เยอะเลย คือคนพอเห็นภาพจำว่าเราป่าเถือนดุร้าย เขาก็จะส่งบทป่าเถือนดุร้ายมาให้เราเยอะมาก ซึ่งเราเห็นว่าบทแบบนี้เราเคยทำไปแล้ว เราก็จะเบรกไว้ก่อน บทที่ซ้ำจริงๆ มันหาทางเล่นได้นะ แต่แค่รู้สึกว่า การที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ในวงการนั้น มันใช้เวลาแค่ไม่กี่ปี เพราะฉะนั้นเราขอมีผลงานที่หลากหลายในช่วงเวลาไม่กี่ปีนั้นดีกว่า

เห็นว่าบทอำพน มีโอบามา เป็นอดีตรัฐมนตรีอเมริกาเป็นต้นแบบ
ก๊อต : คือเวลาที่เราสร้างคาแรกเตอร์ผมจะเลือกเกาะบางสิ่งบางอย่างของคนไว้  สาเหตุที่เลือกโอบามาเพราะเขารีแรกซ์ เวลาที่เขาไปอยู่กับผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการเช็คแฮนด์ การตบบ่า การทักทายเขาจะมีความรีแรกซ์ ผมก็เลยเอาความรีแรกซ์ตรงนั้น มาเป็นบุคคลิกของอำพน ผมไม่ได้เอามาใช้ทั้งหมด เอาแค่ตอนที่เขารีแรกซ์

ตอนนี้เป็นนักแสดงอิสระมากี่ปีแล้ว
ก๊อต : 2 ปี ชีวิตก็ปกติ เหมือนเดิมในหลายส่วน และต่างจากเดิมตรงที่เมื่อก่อนเราเป็นฝ่ายรอ เดี๋ยวนี้เราเป็นฝ่ายที่ขวนขวายและมีอิสระมากขึ้นที่จะร่วมงานกับผู้อื่น  ยิ่งเราได้เจอคนเยอะ เราก็ยิ่งได้รับวิสัยทัศน์ ขององค์กรแต่ละองค์กรที่แตกต่างกันไป

ความตั้งใจในการเป็นนักแสดงอิสระเพราะอยากทำงานในต่างประเทศ
ก๊อต : จริงๆ ก็ยังอยู่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อยู่

ไปเล่นเรื่อง โกลด์ (Gold)  ได้อย่างไร
ก๊อต : จริงๆ อึกหนึ่งหน้าที่ของผมคือแคสติ้ง ผมก็ต้องไปแคสติ้งเรื่อยๆ แต่ผมไม่ได้ไปแคสติ้งในฐานะดารา แต่แคสติ้งในฐานะคนที่ไปนั่งรอเขาแคสติ้ง แล้วเวลาทำงานต่างประเทศมันมีข้อดีคือเขาจะไม่รับเราถ้าเราให้ประโยชน์เขาไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นตัวพิสูจน์ว่าถ้าผมแคสติ้งแล้วผมผ่าน นั่นแสดงว่าศักยภาพผมมากพอที่จะอยู่ในโปรเจคใหญ่ได้ ผมไม่ทราบว่าทำไมเขาเลือกผม แต่ผมเป็นลูกค้าผมก็คงเลือกคนที่มาช่วยงานได้

ความแตกต่างในการร่วมงานต่างประเทศกับในประเทศ
ก๊อต : วัฒนธรรมการทำงานบ้านเรากับเขาไม่เหมือนกัน เขามีมาตราฐานที่เขาต้องทำให้ได้ สมมุติผมต้องไปกอง 6 โมง 6.40 ต้องอยู่หน้าเซทก็ต้องเป็นแบบนั้น เราเลทไม่ได้ ข้อผิดพลาดเขาเยอะ แต่เขาจะเรียนรู้และวันต่อไปเขาจะไม่พยายามทำข้อผิดพลาดนั้นซ้ำอีก และอันหนึ่งที่ผมชอบมากในฐานะนักแสดง คือมีซีนหนึ่งที่ผมต้องคุยกับแอดก้า (เอ็ดการ์ รามิเรซ) ) และแมทธิว  (แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ ) แล้วพอคุยกันผมเสียงเบามาก เป็นเสียงกระซิบเลย แฟนผมนั่งอยู่หลังมอนิเตอร์เล่าให้ฟังว่า ผู้กำกับ เรียกหัวหน้าทีมเสียงมาคุยแล้วบอกว่าไปทำอย่างไรก็ได้ให้ฉันได้ยินเสียงนักแสดง แต่อย่าไปบอกนักแสดงให้พูดด้วยเสียงดังล่ะ เพราะเขาพูดด้วยอารมณ์เขา แต่สุดท้ายก็ใช้ไม่ได้ ต้องไปเรดคอร์ดเสียงในอีกวันหนึ่ง

หน้าตาได้ ความสามารถได้ แล้วทำไมตอนนี้ยังอยู่ที่เมืองไทย
ก๊อต : ที่จริงเมื่อ 2 ปีก่อน ผมจะไปใช้ชีวิตที่เมืองนอก คำว่าใช้ชีวิตในที่นี้ไม่ใช่ทำงานแต่ไปใช้ชีวิตจริงๆ เพราะอยากรู้ว่าคนประเทศอื่น เขากินอยางไร เขามีทัศนคติอย่างไร แล้วผมคิดว่า การใช้ชีวิตแบบนั้นจะทำให้ผมเห็นแก๊บช่องว่างที่ผมสามารถแทรกตัวไปได้ แต่โควิดมาเสียก่อน ตอนนั้นเล็งไว้ที่ ธิเบต อเมริกา อิตาลี  แต่คงไปๆ กลับๆ คงไม่ได้อยู่ยาว  แต่ก็มีคุยกันไว้ว่าจะไปไหนก็จะชวนเขาไป แต่ถ้าเป็นบางประเทศที่มันกันดารจ๋า เราก็คงไม่หิ้วเขาไปด้วย ซึ่งเขาก็มีความคิดเห็นหลายอย่าง แต่คงไม่บอกใน ณ ที่นี้ ตอนนี้โควิดมาจากที่จะไปอยู่ต่างประเทศก็เลยอยู่แต่ในรั้วบ้าน

ถ้าโควิดดีขึ้นแพลนยังเหมือนเดิมไหม
ก๊อต : จริงๆ แล้วผม มองว่ามันเป็นเรื่องของช่วงจังหวะเวลาที่มันเหมาะเจาะด้วย บางครั้ง ความคาดหวังของเรา มันไม่สอดคล้องกับปัจจุบันขณะ เราจึงต้องให้มันรันไปกับปัจจุบันขณะ บอกไม่ได้ว่าอนาคตจะเป็นแบบนั้น แบบนี้

2 ปีที่ผ่านมาปฎิเสธงานหมดเลยหรือ
ก๊อต : คือผมทำงานอัดๆ มา 5 ปีติด พอ 2 ปีที่อยู่นิ่งๆ ก็อยากจะทบทวนตัวเองว่า เราสามารถจะพัฒนางานอย่างไรได้บ้าง บวกกับเป็น 2 ปีที่สนใจเรื่องการเกษตร มันก็เลยกลายเป็นว่าพักสิ่งนี้เพื่อให้ความสนใจอีกสิ่งหนึ่ง ตอนนี้บ้ามาก บ้าที่จะปลูกผัก ปลูกนั่นปลูกนี่ คือผมชอบเรื่องพลังงานทดแทน เพราะโควิดมันทำให้เห็นว่าถ้าอยู่ๆ วันหนึ่งไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำจะทำอย่างไร ก็มีแอบไปซื้อที่บ้างเพื่อทำการทดลอง

มาพูดเรื่องงานแสดงบ้าง ทุกครั้งที่มีการแสดง เรามีการดิวการแสดงกับผู้กำกับโดยตรงเลยใช่ไหม
ก๊อต : ไม่นะ คือถ้าผมร่วมงานกับใครผมจะสังเกตคนๆ นั้น ราวกับผมเป็นไม้เลื้อยเลยนะ จะค่อยๆ ไตตั้งแต่เท้าจนถึงทัศนคติของเขาว่าเขาเป็นคนอย่างไร ตรงนี้ผมหมายถึงทุกคน เพราะอาชีพผมต้องสังเกตมนุษย์ เพื่อเอาวัตถุดิบนั้นมาแสดง แต่การดิวกับไดเรกเตอร์นั้นก็มีความสำคัญมาก กับบางคนถ้าเราอยากเล่นอะไรเราต้องพูดสิ่งตรงข้าม เพราะบางคนเขาจะไม่รับอะไรก็ตามที่มาจากไอเดียคนอื่น แต่ถ้ามาจากไอเดียตัวเองเขาจะรับ

ตอนเด็กๆ มีความฝันว่าอยากเป็นนักแสดงไหม
ก๊อต : ผมอยากเป็นแสดงครั้งแรกตอน ป.3  เพราะแม่มารับไปดูภาพยนตร์เรื่อง เดอะแมสออฟโซโล แล้วเรื่องนั้นทำให้ผมอยากแสดง แต่หลังจากนั้นมันก็หายไปเลย ผมมาเริ่มเข้าวงการตอนอายุ 22 แต่ไม่เข้าใจเรื่องการแสดงเลยจนอายุ 25 คือตอนนั้นผมเล่นเรื่อง ชาติพยักฆ์ พอเล่นเรื่องนี้จบ ผมตัดสินใจจะเลิกแล้วเพราะผมไม่สามารถมีวิธีคิดที่จะสร้างตัวละครใหม่ๆ ได้   ตั้งแต่นั้นก็เลยมาเรียนกำกับ เรียนเขียนบท เรียนการแสดงเพิ่มเติม และเมื่อเอาองค์ทั้ง 3 อย่างนี้มารวมกันเราจึงพบว่าจุดอ่อนเราอยุ่ตรงไหน เลยเอาทั้ง 3 อย่างมาใช้ ทั้งในเรื่อง บุพเพสันนิวาส  คมแฝก และ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว หนังก็ใช้ในคืนยุติธรรม  ถามว่าเปลี่ยนจากเดิมไหม ข้อแรกที่เปลี่ยนเลย เราไม่เข้ากองไปด้วยความหวาดกลัว เรากลัวว่าผู้กำกับ คนดู จะไม่เชื่อในสิ่งที่เราโกหก เพราะนักแสดงคือคนที่โกหก เป็นนักต้มตุ๋นดีๆ นั่นเอง

เราเตรียมตัวไปแล้วถ้าคนที่ร่วมเฟรมกับเราไม่ได้เตรียมตัวมาเราทำอย่างไร
ก๊อต : ผมว่าจริงๆ แล้ว มันเป็นการเตรียมตัวของเรา แม้เขาจะไม่โต้ตอบอย่างที่เราคาดหวัง แต่เขาก็โต้ตอบในฐานะตัวละคร ผมเชื่อทุกคนต่างมีวิธีการทำงานต่างกัน เขาก็มีแบบของเขา ผมก็มีในแบบของผม การทำงานร่วมกัน ผมต้องนับถือสิ่งที่เขาทำแต่ผลจะเป็นอย่างไรผมไม่รู้

ตอนนี้อยู่วงการมานานไม่ค่อยได้เป็นพระเอกน้อยใจไหม
ก๊อต : เออ… ผมจะรู้สึกแย่ ถ้าตัวละครที่ผมแสดงไม่มีใครพูดถึง ผมไม่ได้รู้สึกดีที่คนมาเรียกผมว่าก๊อต แต่ถ้ามีคนเดินมาบอกว่าชอบตัวละครที่เราสร้างจังเลย ผมแฮปปี้แล้ว ถ้าตอนนี้มีคนเรียกผมว่าอำพน ก็ดีใจเพราะเขาดูละครเรา

ก๊อตเคยเล่าให้ฟังว่า พอได้บทมาจะสิงตัวเองให้เป็นบทนั้นที่บ้าน
ก๊อต : ไม่ถึงขั้นนั้น คือผมจะแบ่งเวลา  2 ชั่วโมง คืออย่างช่วงที่ผมรับแสดงเรื่องหนึ่งทีต้องมี 2 คาแรกเตอร์ ผมก็จะดีไซน์ว่า ผมจะมูฟเม้นท์ทุกอย่างด้วยคาแรกเตอร์นี้ แล้วพออยู่ห้องนี้จะมูฟเม้นท์ทุกอย่างในอีกคาแรกเตอร์หนึ่ง แล้วใช้เวลาอยู่กับมันไม่เกิน 2 ชั่วโมง แต่ทำแบบนั้นบ่อยๆ เพราะถ้าทำบ่อยๆ การเข้าถึงตัวละครมันจะทำให้เราไม่รู้สึกเขิน พอไปถึงหน้าเซตปุ๊บเราเป็นได้เลย อย่างตัวอำพนจะเป็นคนรีแรกซ์ ตอนซ้อมเราก็จะซ้อมเป็นเด็ก อยุ่บ้านก็จะใส่เสื้อที่มีสีสัน ที่เหมือนเด็กใส่ แล้วพูดด้วยเสียงเด็ก ซึ่งผมจะซ้อมช่วงเวลา 11.00 น. จนถึงบ่ายโมง

เห็นว่าหลงไหลเรื่องศิลปะมากด้วย
ก๊อต : จริงๆ พวกนี้เป็นงานที่ผมวาดอารมณ์หลายๆ แบบ จริงๆ ผมจะวาดทั้งหน้าโกรธ หน้าบี้ง ยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ หรี่ตา เต็มไปหมดเลย เพื่อเอารูปพวกนี้มาใส่ในหน้าที่ผมจะพูดในไดอะล็อกต่างๆ  เรื่องวาดรูปผมวาดมาตั้งแต่เด็กแล้ว วาดมาตลอด เพราะสื่อสารกับแม่จะสื่อสารด้วยภาพมาด้วยตลอดเราจะคุยกันด้วยภาพ ถามว่าผมเรียนมาไหมก็มีเรียนแต่เรียนไม่จบ ผมเรียนแค่ปี 2 เพราะผมต้องอยู่แค่หน้าคอมผมก็เลยออก ถามว่าเสียดายไหม ผมไม่เสียดายนะ คือพอผมเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบแล้วผมตัดสินใจออก นั่นหมายความว่าผมตัดสินใจไปหาสิ่งที่ผมชอบ

คิดอย่างไรที่คนว่าติสท์
ก๊อต : แรกๆ ไม่ค่อยโอเค แต่พอนั่งดูตัวเองเราก็คิดว่าเราคงจะติสท์จริงๆ  คือเราก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่าถ้าเป็นคนอื่นจะตอบแบบนี้หรือเปล่า คือถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่ตอบ คือจะว่าเราติสท์ก็ได้  แต่ผมรู้สึกว่าผมปกตินะ

ตอนนี้ได้ตำแหน่งสามีแห่งชาติแล้ว แฟนว่าอย่างไรบ้าง
ก๊อต : เอาจริงๆ ผมก็เพิ่งมารู้ว่ามีอะไรอย่างนี้ตอนนี้ ผมก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอะไรอย่างนี้มาด้วย  ผมว่าเขารักตัวละคร  เพราะผมไม่ใช่ตัวละคร ในความเป็นจริงผมไม่สามารถอบอุ่นละมุนละม่อมแบบในตัวละครได้ ผมเถื่อนกว่านั้นเยอะ ก็ดีใจที่เขาชื่นชอบผลงาน แต่เราก็เข้าใจได้ว่ากระแสพวกนี้มันเกิดขึ้นเดี๋ยวมันก็ผ่านไป

ก๊อตโอเคกับตำแหน่ง “สามีแห่งชาติ”  แฟน โบว์ เบญจวรรณ ว่าอย่างไรบ้าง
ก๊อต : แฟนผมก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเท่าไหร่ เขาก็บอกว่าไม่ได้อยากได้ก๊อต เขาก็อยากได้อำพน กับแฟนคนนี้คบมา 8 ปีแล้ว

รู้เมื่อไหร่ว่า ตุ๊กกี้ คลั่งเรามากขนาดไปทำจี้ชื่อเรา
ก๊อต :ก็เพิ่งเห็นเขามาคอมเม้นท์ทีละอันๆ นั่นแหละ ก็คิดว่าพี่เขาคงชอบตัวละครตัวนี้จริงๆ คือเขามารคอมเม้นต์เยอะมาก เรื่องทำจี้ก็จริงคือผมทราบเพราะว่าผมไลฟ์แล้วเรียกเขามาคุยกันในไลฟ์ เขาก็บอกว่าพี่มีอะไรจะบอกก๊อต แล้วก็โชว์สร้อยให้ดู แล้วมีจี้เป็นตัวอักษรจี ตอนนั้นผมหัวเราะก๊ากเลย  แวบแรกที่เห็นผมย้อนนึกถึงตอนที่ผมเป็นเด็กตอนที่ผมคลั่งลีโอนาโด้ แล้วผมเก็บภาพลีโอนาโด้ทุกรูปจากทุกนิตยสาร แล้วเอามานั่งเรียงดูทุกคืน  ผมเห็นตัวเองในตอนนั้น ถามว่าอยากจะบอกอะไรพี่ตุ๊กกี้ คือผมอยากจะบอกว่า ขอบคุณมาก ขอบคุณพี่ตุ๊กกี้ และเกรงใจแฟนพี่มากด้วย (หัวเราะ) เพราะเขาบอกว่าเขาใช้ตังค์แฟนซื้อจี้ด้วย


ติดตามชมคำสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการ “คุยแซ่บShow”  ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา13.40-14.40 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

คลิปสัมภาษณ์  ก๊อต จิรายุ

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

 

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube