ศบค.สั่งเข้มงวดลักลอบเข้าเมืองใช้ตชด.กักตัว
ศบค.สั่งเข้มงวดลักลอบเข้าเมือง ยันดำเนินคดีคนทำผิดเด็ดขาด ใช้พื้นที่ ตชด.5แห่ง เป็นสถานที่กักตัวก่อนเข้าพื้นที่ชั้นใน
นายเเพทย์ ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) กล่าวถึงผลการประชุมศบค.ว่า สถิติการลักลอบเข้าเมืองมีทุกวัน ในวันนี้ยังมีอยู่ 191 คน พม่า 65 คน, กัมพูชา 64 คน, ลาว 19 คน นี่คือสิ่งที่เป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้นขอให้มั่นใจว่า มีผู้ที่ทำผิดกฎหมายที่ต้องถูกดำเนินคดีอยู่เรื่อย จึงขอร้องว่าให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก แม้ทางการจะเข้มงวด แต่ขอให้เข้ามาอย่างถูกต้อง
ขณะที่ระบบป้องกัน คนที่ข้ามแดนผ่านมา จะมีสถานที่กักกัน ระบบเฉพาะองค์กร ซึ่งได้รับความร่วมมือจะกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้จัดทำโดยใช้พื้นที่ของตำรวจตระเวนชายแดน พร้อมเปิดทำการใช้เป็นพื้นที่กักตัวก่อนเข้าพื้นที่ชั้นใน แล้ว 5 แห่ง ในจ.กาญจนบุรี 1 แห่ง จ.ประจวบคีรีขันธ์ 1 แห่ง และจ.ตาก 3 แห่ง และตอนนี้กำลังจะเปิดเพิ่มอีกหลายแห่งทั่วประเทศ
ศบค.ห่วง 28 คลัสเตอร์ เป็นแคมป์ก่อสร้าง 6 แห่ง เร่งปูพรมตรวจหาเชื้ออย่างเต็มที่ มี 20 จังหวัดพบเชื้อเป็นศูนย์แล้ว
นายเเพทย์ ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน กล่าวถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ ว่า ยังคงเป็นกรุงเทพฯมหานครเป็นอันดับหนึ่ง และรองลงมาเป็นพื้นที่ปริมณฑล ซึ่งมากกว่าจังหวัดอื่นๆ อยู่เป็นเท่าตัว ซึ่งกทม.ยังอยู่ในภาวะที่ไม่น่าไว้วางใจ การติดเชื้อที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ประชาชนต้องตื่นตัวแต่ไม่ตื่นตระหนก และต้องช่วยกัน เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีการปูพรมเพื่อตรวจหาเชื้ออย่างเต็มที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นคลัสเตอร์ใหม่ ซึ่งในการตรวจหาเชื้อ ในตลาดบางกะปิมีการตรวจ 845 คน พบเชื้อ 137 คน ดังนั้น ในพื้นที่ตลาดบางกะปิและบริเวณใกล้เคียงซึ่งต้องควบคุมป้องกันโรงโดยเร่งด่วนประชาชนโปรดให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
สำหรับครัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวังมีทั้งหมด 28 แห่ง คลัสเตอร์เฝ้าระวังสูงสุด 20 แห่ง คลัสเตอร์ระดับเฝ้าระวัง 2 แห่ง และคลัสเตอร์พบใหม่ เป็นแคมป์ก่อสร้าง 6 แห่ง
สำหรับจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อเป็น 0 ประกอบด้วย นครสวรรค์, พิษณุโลก, ลำพูน, ลำปาง, เพชรบูรณ์, ตราด, สุโขทัย, กาฬสินธุ์, พะเยา, สิงห์บุรี, เลย, อุตรดิตถ์, แพร่, ชัยนาท, หนองคาย, พังงา, แม่ฮ่องสอน, อำนาจเจริญ, หนองบัวลำภู และมุกดาหาร
นายกฯสั่งเร่งตรวจเชื้อโควิดทั้งคนไทย-ต่างด้าว ศบค.แจงข้อมูลมีวัคซีน 6 ล้าน ฉีดไปแค่ 2.7 ล้าน อีก 2ล้าน อยู่ระหว่างการตรวจคุณภาพ
นายเเพทย์ ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) (ศบค.) กล่าวถึงการตรวจหาเชื้อในแรงงานต่างด้าว ทั้งเข้ามาแบบถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมายว่า. นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้ตรวจหาเชื้อโควิด 19 ทั้งหมด เพราะฉะนั้นขอให้ทั้ง 3 ส่วนได้รับทราบคือ
- ประชาชนที่เป็นคนไทยและต่างด้าวแม้ว่าจะมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์อะไรก็ตาม ขอให้ได้แสดงตัวในการตรวจหาเชื้อ
- ผู้ประกอบการที่จะต้องรับผิดชอบต่อคนงานที่ได้นำเข้าประเทศ หากแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ก็ต้องขอขอบคุณ แต่ถ้าหากดูแลไม่ได้ก็ขอให้พาไปตรวจและภาครัฐจะดูแลให้
- ภาครัฐไม่ต้องกังวลเรื่องของงบประมาณเพราะนายกรัฐมนตรีได้จัดสรรงบมาให้ ในการตรวจหาเชื้อเพื่อที่จะแยกผู้ป่วยออกจากประชาชนปกติ
สำหรับความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน ที่มีรายงานว่า มีเข้ามา 6 ล้านโดส แต่ทำไมถึงฉีดได้แค่ 2 ล้านโดสเท่านั้นนายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า วัคซีนเข้ามา 6 ล้านโดส จริง แต่กระจายลงพื้นที่จริงเพียง 3.6 ล้านโดส ฉีดไปแล้ว 2.7 ล้านโดส อีก 4 แสนโดส อยู่ระหว่างการจัดส่ง และอีก2ล้านโดส อยู่ระหว่างการตรวจคุณภาพของวัคซีน ซึ่งในแต่ละจังหวัดกำลังดำเนินการเรื่องการฉีดวัคซีนให้อยู่ จึงอยากให้ประชาชนในพื้นที่ไปแสดงตนเพื่อต้องการฉีดวัคซีน
อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณประชาชนทุกคน ที่มีจิตอาสาที่จะเป็นกำลังเสริมของทีม กทม.จำนวน 81 คน ที่ติดต่อเข้ามา ขณะนี้ได้กระจายไปยังเขตต่างๆ นอกจากนี้มีความต้องการเพิ่มเติมทีมฉีดวัคซีนเพื่อให้พร้อมตามความต้องการ 5 ทีม ทีมละ 72 คน รวม 360 คน ประกอบด้วย แพทย์ 2 คน พยาบาล 30 คน ทำหน้าที่ฉีดวัคซีน 10 คน เตรีนมยา 5 คน ช่วยคัดกรอง 12 คน สังเกตอาการ 3 คน อาสาสมัครช่วยงานทั่วไป 40 คน สามารถติดต่อสมัครเป็นจิตอาสา ได้ที่ 064-8052620
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news