ศธ.ถก คลัง ใช้มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ช่วยโรงเรียนเอกชน เสริมสภาพคล่อง หลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างหนัก
น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตนเองพร้อมด้วย นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งดูแลสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้หารือร่วมกับ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงการช่วยเหลือโรงเรียนเอกชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยผลการหารือเบื้องต้นกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เห็นตรงกันว่าจะใช้มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) โดยหาแหล่งเงินกู้ เช่น ธนาคารต่างๆ มาให้โรงเรียนเอกชนที่ประสบปัญหาได้กู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ในวงเงินที่สูงมากขึ้น เพียงพอต่อการใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนในส่วนของการบริหารกิจการโรงเรียน
ทั้งนี้ ได้ขอให้นางกนกวรรณ ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการหาแหล่งเงินกู้ จัดทำรายละเอียดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการกู้ยืม เพื่อช่วยเหลือด้านสภาพคล่องและแบ่งเบาภาระให้โรงเรียนเอกชนมากที่สุด ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการ โดยคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เคยมีประกาศ กช.เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกู้ยืมเงินจากกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ เพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนในส่วนของการบริหารกิจการโรงเรียนไปแล้ว โดยให้โรงเรียนในระบบ กู้ยืมเงินหรือยืมเงิน จากกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบฯ โดยให้กู้ยืมโรงเรียนละไม่เกิน 3 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี และผ่อนชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 6 ปี โดยชำระเป็นรายเดือน หรือ รายไตรมาส แล้วแต่กรณี
ซึ่งมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่กำลังจะจัดทำขึ้นใหม่นี้ มีแนวคิดที่จะขอให้กู้ยืมได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าที่กองทุนฯจัดให้ หรือ รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ในช่วงแรก หรือ มีวงเงินกู้ที่สูงขึ้นถึง 20 ล้านบาทเช่นเดียวกับที่ผู้ประกอบธุรกิจได้รับตาม มาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจ หรือ สินเชื่อฟื้นฟู อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ นางกนกวรรณ ได้เชิญโรงเรียนเกี่ยวข้อร่วมประชุมอีกครั้ง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news