โฆษกกมธ.งบ65แนะเปิดทางให้บริจาครถดับเพลิง
โฆษกกมธ. งบ65 แนะกรมการค้าต่างประเทศ ทบทวนระเบียบเปิดทางให้ญี่ปุ่นสามารถบริจาครถดับเพลิง ขอฝ่ายค้านไม่แบ่งฝ่ายพิจารณางบ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 แถลงข่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงการคลัง และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ว่าจำนวน 8 หน่วยงาน ว่าขณะนี้คณะกรรมาธิการได้พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว
โดยในการพิจารณางบประมาณของ กรมการค้าต่างประเทศ สังกัดกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวานนี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้มีการหารือกันเกี่ยวกับ ปัญหาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการบริจาครถดับเพลิงมาจากต่างประเทศแต่ไม่สามารถนำเข้าได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขและกฎระเบียบบางประการที่ไม่สามารถรับรถบริจาคที่มีอายุเกิน 5 ปีได้ กรมการค้าต่างประเทศ ได้ ชี้แจงว่า หน่วยงานจะรับเรื่องนี้ไปพิจารณาทบทวนระเบียบ เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนต่อไป
ทั้งนี้นายเรืองไกร ยังกล่าวถึง เหตุองค์ประชุมของคณะกรรมาธิการงบประมาณล่มเมื่อวานที่ผ่านมาว่า ซึ่งหากมองสัดส่วนขององค์ประชุมที่กำหนดตามกฎหมายแล้วจะต้องมีองค์ประชุมอย่างน้อย 24 คน ซึ่งจากเหตุการณ์ที่ฝ่ายค้านขอนับองค์ประชุมใหม่ จนต้องสั่งให้ปิดประชุมไปในที่สุดนั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่ทำให้เสียเวลาในการซักถามการปรับลดงบประมาณ และทำให้หน่วยรับงบประมาณจะต้องกลับมาชี้แจงการใช้งบประมาณอีกครั้ง จึงเห็นว่าไม่ควรตำหนิติติงมากเกินไป โดยไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เพื่อให้การพิจารณางบประมาณบรรลุผลพร้อมขอยืนยันในกรณีที่หลายฝ่ายออกมาให้ข้อสังเกตว่าหากกรรมาธิการพิจารณางบประมาณไม่แล้วเสร็จตามกรอบเวลาจะทำให้ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณตกไปนั้นไม่เป็นความจริง จึงยืนยันว่ากฎหมายงบประมาณจะไม่ถูกตีตกไป
เรืองไกร ลั่น ไม่เห็นด้วย พปชร.แก้รัฐธรรมนูญ ม.144 ตัดบทลงโทษส.ส. เกลี่ยงบลงพื้นที่
นายเรืองไกร กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ เสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ซึ่งเกี่ยวกับวิธีการพิจารณางบประมาณซึ่งมีการตัดเนื้อหาบทลงโทษกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา คณะรัฐมนตรี พิจารณาปรับลดงบประมาณเพื่อให้ตนเองมีส่วนในการใช้งบประมาณ จากเดิมที่รัฐธรรมนูญกำหนดบทลงโทษหากมีการดำเนินการดังกล่าวจะต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองและต้องพ้นจากตำแหน่ง ว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วนกับข้อเสนอดังกล่าวเนื่องจากมาตรการเดิมที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญ กำหนดไว้เพื่อป้องกัน ไม่ให้ ส.ส.เข้ามามีส่วนได้ส่วนเสียในการพิจารณาปรับลดงบประมาณ เหมือนกับที่ตนได้ทักท้วงความเห็นของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัฐ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ก่อนหน้านี้ ออกมาเสนอให้ปรับลดงบประมาณของบางหน่วยงานเพื่อนำไปใช้ในหน่วยงานอื่น
ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่าเรื่องของการพิจารณาจัดสรรงบประมาณควรเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ไม่ควรเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติในฐานะคนอนุมัติกับฝ่ายบริหารในฐานะคนใช้งบประมาณควรแยกให้ชัดเจนตามหลักการที่รัฐธรรมนูญวางไว้
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความเห็นชอบของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนตัวเข้าใจว่า ส.ส.ส่วนใหญ่ไม่เฉพาะพรรคพลังประชารัฐต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการเข้ามาจัดสรรงบประมาณ เหมือนรัฐธรรมนูญฉบับก่อนที่เคยเปิดช่องไว้ เพื่อเป็นการเกลี่ยงบประมาณลงในพื้นที่ของตนเองหรือเรียกว่า งบ ส.ส.ส่วนตัวในฐานะนักตรวจสอบจึงไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news