พิษโควิด ไปต่อไม่ไหว “อีฟ พุทธิดา” ตัดสินใจปิดร้านอาหาร!!!
เป็นอีกคนหนึ่งในวงการที่ติดโควิด-19ช่วงแรก ๆสำหรับสาว “อีฟ พุทธธิดา” ล่าสุดเจ้าตัวเปิดใจในรายการ z story ช่องอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง34 กับพิธีกร “ดีเจอ๋อง-เขมรัชต์” และพิธีกร “ลิตา อินท์ชลิตา” ถึงอาการในครั้งนั้น พร้อมเล่าวินาทีที่รู้ว่าคุณพ่อ “อาต้อย เศรษฐา” ก็ติดเชื้อเหมือนกัน พร้อมเปิดใจถึงร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้
รู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อรู้ว่าตัวเองติดโควิด?
เมื่อรู้ว่าเราติดไม่ได้กังวลว่าเราจะมีอาการรุนแรง เรากังวลว่าจะทำอย่างไรกับคนในครอบครัว เพราะว่าที่บ้านอยู่ด้วยกันทั้งหมด ก็เลยคิดว่าจะทำอย่างไรกับคนที่เหลือ สิ่งแรกคือต้องหาที่ให้ตัวเองไปก่อน ต้องกำจัดตัวเองไปก่อนเพราะเราติดเชื้อ ตอนนั้นเราตรวจผลจากแล็บ ก็ไม่มีโรงพยาบาลรองรับ เราก็ต้องคอนแทคกับโรงพยาบาลให้ได้ที่ไหนจะรับเคสแล้วเราก็สามารถย้ายออกไปได้ สุดท้ายก็ได้ไปอยู่ฮอสพิเทล
แล้วคุณพ่อล่ะเพราะเป็นมะเร็งด้วย?
จริงๆตอนแรกคุณพ่อไม่สมควรจะติด ช่วงที่เป็นคุณพ่อเพิ่งให้คีโม ไม่มีภูมิบวกกับเราออกไปรักษาก่อนเหลือแต่ลูกยังไม่ได้ตรวจก็เลยยังไม่ได้ถูกย้ายยังต้องอยู่กับตายายก็ให้เว้นระยะถึงเขาจะไม่มีอาการแต่ก็ไม่ควรจะอยู่ใกล้ แต่ด้วยความเป็นคุณตาก็ไม่สามารถห่างหลานได้ ในที่สุดคุณตาก็ได้ติดเชื้อ คุณพ่อไม่ได้มีไข้สูงอะไรเลย
พ่อกลัวไหม?
เค้าไม่กลัว ไม่กังวล ถ้าเค้ากลัวเค้าไม่ยุ่งกับหลานตั้งแต่แรกแน่นอน ตอนนั้นไม่มีอาการไม่มีไข้อะไรเลย แต่พอเข้าโรงพยาบาลไปแล้ว ไปรู้สึกตอนอยู่โรงพยาบาล พอไปอยู่โรงพยาบาลคนเดียวต้องแยกกับคนที่บ้าน มันเป็นเรื่องภาวะทางจิตใจมากกว่า จะเกิดอาการกลัวกังวล ถ้าถามว่าโดยรวมคุณพ่อมีอาการร้ายแรงหรือไม่ ไม่มีเลย หมอบอกว่าเนื่องจากคุณพ่อมีภาวะปอดไม่แข็งแรงอยู่แล้ว มันก็เลยทำให้เชื้อเข้าไปที่ปอดได้ง่าย แต่มันเข้าไปนิดเดียว พอได้รับยาได้รับพลาสม่ามันก็เลยหยุดเลยค่ะ ในบ้านเรามีติดทั้งหมดสี่คน มีเรา ลูกชาย สามี และคุณพ่อ แต่เข้าโรงพยาบาลแค่สองคน ก็คือสามีเรากับคุณพ่อ แต่ตอนแรกสามีก็ Hospitel ด้วยกัน เพราะตอนแรกที่เข้าไปมันไม่ลงปอด เค้าเป็นคนค่อนข้างแข็งแรง ตอนแรกที่เริ่มเป็นก็บำรุงวิตามิน สมุนไพรไทยในการเพิ่มภูมิ คือคนในบ้านกินทุกคนแต่เรากับสามีมากินช้า ช้าหมายความว่าเป็นแล้วเพิ่งมากิน ส่วนพ่อแม่กินตั้งแต่ยังไม่เป็น เขาจะเบากว่าเรา สังเกตได้เลย แม่เลยรอด คือแม่ไม่น่ารอดเพราะเค้าอยู่ด้วยกันนอนด้วยกัน ในที่สุดแม่ก็รอด เรากับสามีมากินตอนเป็นแล้วแต่ก็ไม่รุนแรงเท่าเพื่อน มีเพื่อนที่พฤติกรรมเดียวกันคือสูบบุหรี่ แต่แฟนพึ่งมาเลิกเมื่อมีลูก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเพื่อนเป็นเยอะกว่า แต่สามีเราก็เป็นแหละ เพราะปอดไม่แข็งแรงเหมือนกัน อยู่นานมันก็ลงปอด พอลงไปแล้วก็กลายเป็นว่าหายเร็วกว่าเพื่อน สุดท้ายก็ออกจากโรงพยาบาลพร้อมเรา
ออกจากโรงพยาบาลมายังมีเชื้ออยู่หรือเปล่า?
เราไม่สามารถพูดได้ว่ามีหรือไม่มี เราไม่รู้เนื่องจากเราไม่ได้ตรวจ หมอเคยบอกว่าคนที่ไม่มีอาการรุนแรงร่างกายจะกำจัดเชื้อได้ในภาวะปกติ คือเรากักตัว 14 วันเราไม่แพร่เชื้อแล้ว แต่คุณพ่อต้องอยู่กับคุณแม่ก็เลยมีการสวอพเทสก่อนจะออก พอตรวจก็ยังเจอเชื้อ ซึ่งมันอาจจะเป็นเชื้อที่ตายแล้วก็ได้นะ ถามว่าเราจะเสี่ยงไหม ถ้าไม่เสี่ยงก็แยกกันก่อนดีกว่า เพราะคนอายุมากการจำกัดเชื้อจะน้อยกว่าพวกเราทั่วไป เราก็เลือกไม่เสี่ยงมันก็เลยเกิดเหตุการณ์ ทำไมยังปล่อยให้กลับบ้านเพราะว่าคุณพ่อเริ่มมีภาวะเครียด บ้านเราแยกเป็นสองหลัง สามารถแยกกันได้หมด เราสามารถจัดการได้รู้ว่าแยกยังไง
โควิดเป็นเหตุร้านอาหารเสียหายหลายล้าน?
เพราะว่าเราลงทุนไปเยอะ เราเจอโควิดตั้งแต่ครั้งแรกแล้วเรื่อยๆมา จนล่าสุดที่เราเป็นเองต้องปิดร้านเป็นเดือนๆ มันก็ขาดทุนสะสม เนื่องจากเราลงทุนหลายล้าน เรายังต้องควักเงินเติม เราก็ต้องยอมรับว่าไปต่อไม่ได้ ไม่ไหวก็ต้องตัดใจ ธุรกิจที่เราทำนอกจากร้านอาหารมันก็ยังมีธุรกิจอย่างอื่น เช่นกองละครก็ออกไม่ได้ เมื่อเราประเมินสถานการณ์โดยรวมว่าเราต้องตัดอะไรบางอย่าง เราก็เลยตัดสินใจปิดร้านอาหารไปก่อนค่ะ