ไม้ยืนต้นค้ำประกันลดกู้ยืมเงินนอกระบบได้
กรมพัฒน์ ระบุ พิโกไฟแนนซ์ ปล่อยสินเชื่อโดยใช้ไม้ยืนต้นค้ำประกัน ลดการกู้ยืมเงินนอกระบบของเกษตรกรได้
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่กฎกระทรวงกำหนดให้ทรัพย์สินอื่นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2561 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ไม้ยืนต้นเป็นทรัพย์สินที่สามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้ เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินกรรมสิทธิ์ของตนเองเพื่อการออม สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการปลูกป่าเพิ่มพื้นที่สีเขียว จนถึงปัจจุบัน มีสถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อรายย่อยอเนกประสงค์ (พิโกไฟแนนซ์) รับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจแล้วจำนวน 119,498 ต้น มูลค่าสินเชื่อรวมกว่า 134 ล้านบาท และจากตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการเข้ามารุกตลาดสินเชื่อของธุรกิจให้สินเชื่อรายย่อยอเนกประสงค์มากขึ้น โดยเห็นว่าไม้ยืนต้นเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งที่ใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้
อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อรายย่อยอเนกประสงค์ยอมรับไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ แม้ผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยและเกษตรกรจะได้รับวงเงินสินเชื่อที่ไม่สูงมากนัก ประมาณ 5 หมื่น – 1 แสนบาทต่อราย แต่การที่สามารถใช้ต้นไม้ที่มีอยู่แล้วเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยที่ไม่มีทรัพย์สินในการขอกู้เงินจากสถาบันการเงินอื่นได้มีโอกาสเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น อีกทั้ง เป็นการลดการกู้ยืมเงินนอกระบบที่ไม่เป็นธรรม ผิดกฎหมาย และสร้างภาระให้เกษตรกรในระยะยาว
นอกจากนี้ ช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้ง 3 ระลอก ยังคงมีเกษตรกรนำไม้ยืนต้นมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน จำนวน 25,720 ต้น มูลค่าสินเชื่อ 4.11 ล้านบาท โดยเป็นการกู้เงินกับผู้ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อรายย่อยอเนกประสงค์ และ ธ.ก.ส. ซึ่งช่วยให้เกษตรกรโดยเฉพาะในส่วนภูมิภาคมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและสะดวกอย่างแท้จริง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news