กรมวิทย์ฯ เจอผู้ป่วยโควิด 7 ราย ติดเชื้อผสมอัลฟา-เดลตา หวั่น ก่อสายพันธุ์ใหม่ สธ. จับตาใกล้ชิด
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อัพเดตสายพันธุ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า ตั้งแต่เดือน เมษายนเป็นต้นมา ได้ตรวจสายพันธุ์เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เพื่อถอดรหัสพันธุ์กรรมแล้ว 15,000 ตัวอย่าง ส่วนใหญ่ยังเป็นสายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) ร้อยละ 74 สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ร้อยละ 24 และสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) ร้อยละ 1.7
ทั้งนี้ ข้อมูลในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ในกรุงเทพมหานคร พบสายพันธุ์เดลตา เพิ่มมาเป็น ร้อยละ 57 ส่วนในภูมิภาค พบ ร้อยละ 23 ทำให้ภาพรวมทั้งประเทศ เป็นเดลตา ร้อยละ 46 เกือบครึ่งหนึ่งแล้ว ซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับแนวทางฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้สอดคล้องกับการกลายพันธุ์
นพ.ศุภกิจ ยังกล่าวว่า วันนี้มีข้อมูลที่น่าสนใจ การตรวจเชื้อในแคมป์คนงานขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งปรากฏว่า เราพบผู้ติดเชื้อผสม (Mix infection) ซึ่งหมายถึง ในตัวคนๆ เดียวตรวจพบทั้ง 2 สายพันธุ์ โดยมีพบ 7 รายจากการตรวจทั้งหมด 200 กว่าราย
“โดยสัญญาณคือ หากปล่อยให้การติดเชื้อผสมมากๆ ก็อาจเกิดเป็นลูกผสม (Hybrid) เป็นสายพันธุ์ (Varian) ตัวใหม่ขึ้นมาได้ ซึ่งเราไม่อยากให้เกิดขึ้น ดังนั้น ที่รัฐบาลขอความร่วมมือทุกคนหยุดเดินทาง ทำเซมิล็อกดาวน์ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อลดโอกาสเกิดการติดเชื้อผสม เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างเดียว แต่ประเทศอื่นๆ ในโลกนี้ก็มี และทั้ง 7 รายนี้ ยังสบายดี ไม่มีอาการ ดังนั้น ไม่ได้บอกว่าติดเชื้อผสม 2 ตัว จะทำให้รุนแรงขึ้น แต่ต้องจับตาดูต่อไป อย่างไรก็ตาม ตรวจพบรหัสพันธุกรรมในคนๆ เดียวกัน ซึ่งการตรวจ 7 รายนี้ เป็นการเข้าได้ทั้งอัลฟาและเดลตา แต่ทั้งหมดแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาอะไร”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news