Home
|
ข่าว

“หมอสุกิจ” แจงกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิดชี้แจงงบที่สภา

Featured Image
“หมอสุกิจ” แจงกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิดชี้แจงงบที่สภา ขณะกมธ.งบฯเห็นควรให้ตรวจหาเชื้อกลุ่มเสี่ยงเพื่อให้การพิจารณางบฯดำเนินการต่อไปได้

นายแพทย์ สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวถึงกรณีพบผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง เดินทางมาชี้แจงงบประมาณที่สภาระหว่างวันที่ 8 -13 กรกฎาคม ว่า เมื่อสอบสวนโรคย้อนหลังพบว่าวันที่ 8 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่เดินทางมาชี้แจงงบประมาณนั้นไม่เป็นปัญหา เนื่องจากผู้ป่วยยังไม่มีอาการแสดงออกที่ชัดเจน โดยผู้ป่วยเริ่มมีอาการชัดเจนในวันที่ 12 กรกฎาคม โดยมีอาการเจ็บคอ และอาการต่างๆ ที่ชัดเจนว่าติดเชื้อโควิด-19 และต่อมา วันที่ 13 กรกฎาคม จึงเดินทางเข้าตรวจหาเชื้อโควิด-19 และภายหลังทราบผลว่าติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งในวันดังกล่าวผู้ป่วยได้เดินทางเข้าร่วมประชุมอนุกรรมาธิการรัฐวิสาหกิจ และกองทุนฯ เมื่อเวลา 14.25 น. ถึงเวลา 14.50 น. ใช้เวลาในการชี้แจงเพียง 15 นาที ต่อมาภายหลังทราบผลเป็นที่แน่ชัดว่าติดเชื้อ โควิด-19 แล้วแน่นอนว่าผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดในอนุกรรมาธิการกองทุนฯจึงเป็นกลุ่มเสี่ยงทั้งหมดเช่นกัน

ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมาธิการงบประมาณชุดใหญ่จึง เห็นควรให้มีการตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด  โดยใช้วิธี Rapid Antigen Test ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาเงื่อนไขในการจัดซื้อว่าสามารถทำได้มากน้อยเพียงใด และจัดซื้อจัดจ้างในรูปแบบใด โดยขณะนี้มีกลุ่มเสี่ยง และกลุ่มกรรมาธิการที่สมัครใจในการตรวจหาเชื้อโควิดแล้วกว่า 100 คน

อย่างไรก็ตาม ที่หลายฝ่ายกังวลว่าการตรวจหาเชื้อโควิดของสภานั้นสามารถทำได้ง่ายกว่าประชาชนทั่วไปที่ต้องไปต่อคิวตรวจหาเชื้อโควิดนั้น ในกรณีที่ทำงานเพื่อส่วนรวม หากกรรมาธิการงบประมาณไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้นั้น สภาก็จะเป็นผู้ทำผิดกฎหมายเนื่องจากการพิจารณางบประมาณนั้นมีเงื่อนไขเวลากำหนด จึงมีความจำเป็น และชั่งน้ำหนักซึ่ง งบประมาณของบ้านเมืองเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเดินหน้าให้ได้หากเดินหน้าต่อไปด้วยความไม่ปลอดภัยก็จะลำบาก

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube