Home
|
ภูมิภาค

เชียงใหม่แถลงสถานการณ์โควิด-19ในพื้นที่

Featured Image
เชียงใหม่ ถูกจัดกลุ่มให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือพื้นที่สีแดง ขณะวันนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19เพิ่ม 66 คน

ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ประจำวัน ว่าวันนี้จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 66 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมระลอกตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 เป็น 4,744 ราย รักษาหายแล้ว 4,188 ราย ยังคงมีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกประเภท จำนวน 514 ราย แยกเป็นโรงพยาบาลสนาม 256 ราย โรงพยาบาลรัฐ 155 ราย และโรงพยาบาลเอกชน 102 ราย และโรงพยาบาลต่างจังหวัด 1 ราย และกำลังติดตามเข้ารักษา 15 ราย วันนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม

ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมของจังหวัดเชียงใหม่ยังอยู่ที่ 27 ราย ขณะที่กลุ่มผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่นั้น แยกเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย (สีเขียว) 396 ราย อาการปานกลาง (สีเหลือง) 91 ราย อาการค่อนข้างหนัก (สีส้ม) 24 ราย และผู้ป่วยอาการหนัก (สีแดง) 3 ราย

การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มเสี่ยงสูงหรือผู้สัมผัส เมื่อวานนี้ (17 ก.ค. 64) ตรวจไปทั้งหมด 2,355 ราย พบติดเชื้อ 66 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.80 ส่วนปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อยังพบเป็นการสัมผัสในชุมชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งมาจาก 3 คลัสเตอร์ คือ คลัสเตอร์ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม, คลัสเตอร์ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง และคลัสเตอร์ขุนแปะ-ศรีจอมทอง ส่วนผู้ที่นำเข้ามายังพบได้ในทุกวัน

สำหรับการตรวจคัดกรองเฉพาะกิจหาเชื้อผู้ที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ ทุกจุดตรวจเมื่อวานนี้ได้ตรวจไปทั้งหมด 137 ราย พบผู้มีผลบวกที่สนามบิน 1 ราย ส่วนการตรวจคัดกรองเชิงรุกใน 3 คลัสเตอร์ที่ยังมีการเคลื่อนไหว ตรวจทั้งหมด 1,002 ราย พบผู้มีผลบวก 38 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นคลัสเตอร์คนเก็บลำไย ที่ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง

ด้านคลัสเตอร์ที่ยังพบผู้ติดเชื้ออยู่ มี 3 คลัสเตอร์ คือ คลัสเตอร์ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม พบเพิ่ม 6 ราย รวมทั้งหมด 123 ราย, คลัสเตอร์คนเก็บลำไย ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง พบเพิ่ม 24 ราย รวมทั้งหมด 42 ราย และคลัสเตอร์ขุนแปะ-ศรีจอมทอง พบเพิ่ม 1 ราย รวมทั้งหมด 20 ราย

โดยคลัสเตอร์คนเก็บลำไย ที่ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง มีผู้ติดเชื้อกระจายไป 7 หมู่บ้านด้วยกัน โดยพบผู้ติดเชื้อมากที่สุดที่บ้านโรงวัว หมู่ที่ 5 จำนวน 19 ราย และได้กระจายติดเชื้อไปยังกลุ่มเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านโรงวัวหลายคน และกระจายไปอีกหลายหมู่บ้าน

ที่สำคัญคนเก็บลำไยได้ไปเก็บลำไยในพื้นที่หลายอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งอำเภอสันป่าตอง ฮอดและดอยเต่า รวมไปถึงอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ดังนั้นจึงขอประกาศให้ผู้ประกอบการและคนเก็บลำไย ได้เฝ้าระวังอาการและปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่ออย่างเคร่งครัด

สำหรับผู้ติดเชื้อทั้ง 66 ราย ในวันนี้ แยกเป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 52 ราย จากคลัสเตอร์ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม และคลัสเตอ์ขุนแปะ-ศรีจอมทอง และอาจจะมีการเกิดคลัสเตอร์ใหม่ในแคมป์คนงานก่อสร้าง หมู่ที่ 6 บ้านโป่งน้อย ตำบลสุเทพ ซึ่งเมื่อวานนี้พบผู้ติดเชื้อแล้ว 2 ราย และวันนี้พบเพิ่มอีก 5 ราย โดยได้มีการนำกลุ่มเสี่ยงสูงเข้ามาตรวจที่โรงพยาบาลนครพิงค์อีก 40 ราย ซึ่งหากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มจะมีการประกาศเป็นคลัสเตอร์ใหม่

นอกจากนั้นจะเป็นรายย่อย โรงแรม B2 มหิดล พบ 1 ราย, พนักงานขับรถอำเภอฝาง 1 ราย, พนักงานขับรถอำเภอสันป่าตอง 2 ราย และอยู่ระหว่างการสอบสวนอีก 2 ราย ส่วนผู้ที่มีประวัติเดินทางมาในจังหวัดเชียงใหม่และสัมผัสโรคจากต่างจังหวัด 14 ราย พบว่ามาจากกรุงเทพมหานคร 4 ราย, ปทุมธานี 8 ราย, นครปฐม 1 ราย และนครราชสีมา 1 ราย

ดร.ทรงยศ กล่าวว่า มีเรื่องสำคัญที่ต้องแจ้งให้ประชาชนทราบ เนื่องจากมีการพบผู้ติดเชื้อที่เป็นพนักงานขับรถส่งสินค้า ที่อำเภอฝาง เป็นคนขับรถอิสระ และเป็นคนในพื้นที่อำเภอฝาง โดยขับรถบรรทุกขนสินค้าจากฝางไปยังจังหวัดราชบุรีและรับสินค้าจากจังหวัดราชบุรีมาส่งตามระยะทาง โดยมีสินค้าหลายประเภทส่วนใหญ่จะเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว โดยวันที่ 15-16 กรกฎาคม ส่งสินค้าบริเวณตัวเมืองเชียงใหม่ วันที่ 17 กรกฎาคม ขับรถกลับอำเภอฝาง ขณะพักบนรถมีอาการไอ หายใจลำบาก จึงโทรประสานโรงพยาบาลฝาง ให้มารับตัวไปตรวจหาเชื้อ เนื่องจากคนไข้มีอาการเหนื่อยหอบ และไม่ดีขึ้นจึงได้นำตัวส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ผลออกมาว่าพบเชื้อ แต่ผู้ป่วยมีอาการหนัก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จึงไม่สามารถให้ข้อมูล (ไทม์ไลน์) ได้ ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจึงขอประกาศให้ร้านค้าที่รับสินค้าจากรถขนส่งสินค้าสีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 70-7932 ราชบุรี ให้แจ้งพนักงานที่ตรวจรับสินค้าตรวจโควิด

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube