“ณัฐชา”จี้รัฐ เร่งช่วยเหลือเยียวยาผู้ใช้แรงงาน วอนเห็นใจในฐานะเพื่อนมนุษย์ ให้ว่าที่ผู้สมัคร สก.ประสานขอเตียง
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวออนไลน์ ถึง มาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ใช้แรงงานทั้งชาวไทยและ แรงงานข้ามชาติ ว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นติดต่อเป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งในกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่มีการจ้างงานจำนวนมาก ทั้งแรงงานต่างด้าว และแรงงานไทย แต่ยังไม่มีมาตรการใดเข้าไปช่วยเหลือเยียวยา ขณะที่บางพื้นที่ไม่ได้มีการตรวจเชิงรุก และไม่ได้มีการแจ้งให้ทราบว่าใครติดเชื้อ และเมื่อไม่มีมาตรการใดเข้าไปช่วยเหลือ คนงานเหล่านั้นก็ต้องออกมาใช้ชีวิตเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว และอาจนำเชื้อมาแพร่สู่ภายนอกได้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้น จึงขอฝากให้รัฐบาลเห็นใจพี่น้องแรงงานที่เป็นเพื่อนมนุษย์รัฐบาลต้องใช้ทรัพยากรทั้งหมด ดูแลติดตามภายใต้รั้วชายแดนของประเทศไทย
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่พรรคก้าวไกลได้แจกเบอร์โทรศัพท์ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) เพื่อประสานงานขอเตียงนั้น แต่ละวันมีเคสให้พรรคก้าวไกลได้ช่วยเหลือจำนวนมาก ซึ่งไม่ทราบว่าหน่วยงานรัฐรับรู้ความลำบากของประชาชน มากน้อยแค่ไหน สถานการณ์วันนี้เรียกได้ว่าระบบสาธารณสุขล้มเหลวโดยสิ้นเชิง และในภาวะวิกฤตเช่นนี้ที่มีประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมากจะต้องมีคนรับผิดชอบ
ด้านนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ กับมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ว่า หากจะล็อกดาวน์ก็สามารถทำได้ แต่จะต้องมีการเยียวยาที่เหมาะสม แต่การล็อกดาวน์ของรัฐบาลไม่ได้สนใจใครเลย และขัดกับความรู้สึกของประชาชน จึงฝากไปยังรัฐบาลว่า การสั่งให้ปิดกิจการต้องมีการเยียวยา ซึ่งหากมาตรการล็อกดาวน์ที่รัฐบาลทำออกมาไม่มีประสิทธิภาพ ผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นสูงทุกวัน จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้การล็อกดาวน์หากไม่มีการตรวจเชิงรุก ไม่มีการเพิ่มประสิทธิภาพเตียงการล็อกดาวน์ก็ไม่มีประโยชน์
พร้อมกันนี้ นายเท่าพิภพกล่าวถึงปัญหาเตียงผู้ป่วย ว่า พรรคก้าวไกลมีโครงการได้ให้ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) ช่วยประสานในการหาเตียง แต่สุดท้ายบางกรณีก็ไม่ทัน ปัญหาที่ประชาชนได้สะท้อนมานั้นพบว่า เบอร์สายด่วนที่รัฐบาลได้แจ้งให้ประชาชนรับทราบ
ส.ส.ก้าวไกล จี้รัฐตรวจ ATKแล้วต้องได้รับการรักษาทันที ช่วยชีวิตประชาชน ต้องมีศูนย์พักคอยที่มีประสิทธิภาพ
นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล กล่าวถึง การบริหารจัดการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ของรัฐบาลที่ควรแก้ไข ว่า การปลดล็อคเครื่องตรวจ Antigen test Kit ให้ประชาชนสามารถตรวจได้เองนั้น ถือว่าล่าช้าที่กว่าต่างประเทศมาก และทุกวันนี้เมื่อตรวจ Antigen test Kit แล้วเจอเชื้อ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้และต้องเข้าตรวจแบบละเอียดอีกครั้ง ดังนั้นควรให้การตรวจแบบ Antigen test Kit สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที สำหรับการรักษาแบบ Home isolation และรัฐบาลต้องแยกผู้ติดเชื้อที่ตรวจแบบละเอียดและผู้ป่วยที่ตรวจแบบRapid Antigen test เพื่อความชัดเจน และนำผู้ป่วยที่ตรวจแบบAntigen test Kit เข้าระบบให้เร็วที่สุดเพื่อช่วยชีวิตประชาชน
ทั้งนี้ เมื่อตรวจแบบ Antigen test Kit แล้วทันทีที่รู้ว่าติดเชื้อ รัฐบาลควรส่งชุดHome isolation ให้ทันที เช่น เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด และยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นต้น อีกทั้งต้องมีศูนย์พักคอยที่มีประสิทธิภาพเพราะประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่ต้องการอยู่ในบ้าน ดังนั้นจะต้องไปอยู่ที่ศูนย์พักคอย
สำหรับทีมบุคลากรทางการแพทย์ ที่เป็นด่านหน้า ในการตรวจหาเชื้อและรักษาโรคโควิด-19 ควรจะได้รับการปกป้อง ดูแลที่ดีที่สุด บางโรงพยาบาลไม่ได้ทำการตรวจเชื้อโควิด-19 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ทุกสัปดาห์ โดยอ้างว่ามีค่าใช้จ่ายที่สูง ซึ่งรัฐบาลต้องแก้ปัญหานี้โดยด่วน
นอกจากนี้ควรยกเลิกงานธุรการได้แล้ว คือเอกสารใบตรวจที่ต้องรอเพื่อเข้ารับการรักษา ทำให้ผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาได้ล่าช้า จึงอยากฝากรัฐบาลว่า การบริหารจัดการอะไรที่แก้ไขกฎระเบียบเล็กๆน้อยๆเพื่อช่วยชีวิตประชาชนได้ก็ควรทำ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news