รัฐบาลเร่งช่วยคู่สัญญารัฐฝ่าวิกฤตโควิด เห็นชอบข้อเสนอคลังไม่คิดค่าปรับ ช่วยผู้ประกอบการ
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทราบถึงความเดือดร้อนผู้ประกอบการ โดยเฉพาะที่เป็นคู่สัญญาของรัฐ ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังหาแนวทางให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่เป็นคู่สัญญาของรัฐ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างเป็นรูปธรรม และในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา เห็นชอบการกำหนดอัตราค่าปรับเป็นอัตราร้อยละ 0 โดยเมื่ออัตราค่าปรับเป็นอัตราร้อยละ 0 ผู้ประกอบการก็จะไม่มีค่าปรับ
สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข สัญญาที่ได้ลงนามหลังวันที่ 26 มีนาคม 2563 ซึ่งยังมีนิติสัมพันธ์อยู่และยังมิได้ส่งมอบงานงวดสุดท้าย หรือได้ส่งมอบงานงวดสุดท้ายก่อนวันที่มีประกาศยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงทั่วราชอาณาจักรอันเนื่องมาจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่ยังมิได้มีการตรวจรับพัสดุ ให้คิดค่าปรับในอัตราร้อยละ 0 โดยให้คิดค่าปรับในอัตราร้อยละ 0 ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 จนถึงก่อนวันที่มีประกาศยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ฯ และกรณีที่หน่วยงานของรัฐได้พิจารณางดหรือลดค่าปรับให้แก่คู่สัญญา หรือการขยายระยะเวลาทำการตามสัญญาหรือข้อตกลงแล้ว ก็ให้นำจำนวนวันดังกล่าวมาหักออกจากจำนวนวันตามมาตรการนี้ และจำนวนวันที่เหลือ ให้คิดค่าปรับในอัตราร้อยละ 0 ในส่วนค่าปรับส่วนที่เกินจำนวนวันตามมาตรการนี้ ให้คิดในอัตราที่กำหนดในสัญญาหรือข้อตกลงตามปกติ โดยให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ข้อ 183 ต่อไป
นายอนุชา ยังเปิดเผยว่า การกำหนดอัตราค่าปรับเป็นอัตราร้อยละ 0 เป็นการช่วยเหลือเพิ่มเติมจากการใช้ดุลพินิจของหัวหน้าหน่วยงานรัฐตามพ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างฯ ซึ่งรัฐจะไม่มีการคืนเป็นเงิน แต่จะเป็นการหักกลบแทน รัฐบาลจึงไม่มีภาระทางการคลัง และยังสามารถดำเนินการได้ทันทีเนื่องจากอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างฯ มาตรา 29 วรรคหนึ่ง (4) ซึ่งจะการช่วยเหลือผู้ประกอบการคู่สัญญากับภาครัฐ ที่ได้รับผลกระทบโควิด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news