กรมวิทย์ เจอ “เดลตาสายพันธุ์ย่อย” ยังไม่พบทำป่วยรุนแรงขึ้น หรือ ดื้อวัคซีน – เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวประเด็น : การเฝ้าระวังสายพันธุ์และการกลายพันธุ์โควิด-19 และสายพันธุ์ย่อยของเดลตาในไทย ว่า เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาทางศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ของรพ.รามาธิบดี ได้วิเคราะห์สายพันธุ์ย่อยของเดลตา ซึ่งปัจจุบันเดลตาในบ้านเรา และเกือบทั่วโลก แต่เมื่อมีการระบาดเร็ว ก็มีสายพันธุ์ย่อยๆ ขึ้นมา ซึ่งในส่วนของ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก็มีการตรวจเช่นกัน แต่เมื่อติดตามอาการของการติดเชื้อจากสายพันธุ์ย่อยของเดลตา ดังกล่าว ยังไม่พบความรุนแรงเพิ่มขึ้นกว่าที่เป้นอยู่ รวมทั้งยังไม่พบข้อมูลว่า ดื้อวัคซีนมากขึ้น
ทั้งนี้ สำหรับสายพันธุ์ย่อยที่พบครั้งนี้ ไม่ได้มีเฉพาะประเทศไทย แต่จากการตรวจสอบ ยังมีอีกหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ สเปน เดนมาร์ก ก็ มีรายงานพบสายพันธุ์ย่อยของเดลตาเช่นกัน
นพ.ศุภกิจ ยังกล่าวย้ำว่า การพบสายพันธุ์ย่อยในเดลตานั้น ไม่ใช่สายพันธุ์ไทย และไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่ แต่ 4 สายพันธุ์ย่อยนี้เป็นลูกหลานของเดลตาที่พบในไทยอยู่แล้ว ซึ่งยังไม่พบความรุนแรง หรือมีผลใดๆ โดยทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเครือข่ายจะติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
ด้าน ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากการที่หลากหลายประเทศมีการถอดรหัสพันธุ์กรรมของโควิด ทั้งจีโนม อย่างต่อเนื่องทุกอาทิตย์ หรือทุกเดือน โดยประเทศไทยมีการจัดทำข้อมูลดังกล่าวเช่นกัน โดยในปัจจุบันมี 3 ล้านตัวอย่าง จากข้อมูลดังกล่าวพบว่า สายพันธุ์เดลตา มีการกลายพันธุ์หลุดออกมาถึง 60 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อู่ฮั่นเดิม จากจีโนมทั้งหมด 3 หมื่น ซึ่งการมีกลายพันธุ์ออกไปจำนวนมาก บ่งชี้ว่ามีการแพร่ระหว่างคนสู่คนมาก
โดยสายพันธุ์เดลตา พบว่ามีการกระจายตัวแตกเป็นสายพันธุ์ย่อยถึง 27 สายพันธุ์ย่อย มีตั้งแต่ AY.1 ไปจนถึง AY.22 ข้อมูลที่มีการเก็บทั้งหมดจะรายงานว่า พบที่ไหน อย่างไร เมื่อไหร่ จำนวนเท่าไหร่ เพื่อติดตามการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากนี้ต้องติดตาม AY ต่างๆมากขึ้น อย่างสายพันธุ์ย่อย AY.4 พบมากแถวปทุมธานี ส่วน AY.12 พบย่านพญาไท ที่เราพบบริเวณดังกล่าวเพราะมีการสุ่มบริเวณนั้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news