โฆษก ตอบสื่อแทนนายกฯ ต่างชาติซื้อที่ดิน ยึดตามกฎหมาย แจงขยายเพดานหนี้ แค่เพิ่มพื้นที่ทางการคลังให้กับรัฐบาล
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษก ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ตอบคำถามสื่อแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับเรื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึง ชาวต่างชาติ ที่มีศักยภาพ มาสู่ประเทศไทยนั้น ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาตาม พ.ร.บ.ที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามกรอบ เป็นการอำนวยความสะดวกไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร โดยคนต่างด้าวที่ได้รับการอนุญาต จะต้องใช้ที่ดินในการ อยู่อาศัยสำหรับตนเองและครอบครัวโดยไม่ขัดศีลธรรม จารีตประเพณีและวิถีชีวิตอันดีของชุมชนในท้องถิ่นนั้น ซึ่งคนต่างด้าวที่ได้รับการอนุญาต ได้มาซึ่งที่ดินดังกล่าวทำผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้จะต้องจำหน่ายที่ดินที่ตนมีสิทธิ์ภายในเวลาที่กำหนด ไม่น้อยกว่า 180 วัน และไม่เกิน 1 ปี หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว อธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจในการจำหน่ายที่ดินนั้น ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายเดิม
ส่วนการขยายเพดานหนี้สาธารณะ 70% เป็นการเตรียมการกู้ต่อหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การขยายเพดานหนี้สาธารณะครั้งนี้ เป็นการเพิ่มพื้นที่ทางการคลังให้กับรัฐบาลในกรณีที่รัฐบาลจำเป็นใช้มาตรการทางการเงินการคลัง แก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและการในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศซึ่งอยู่ในช่วงสถานการณ์ covid-19 ตั้งแต่ปี 2563 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2564 รัฐบาลได้ใช้จ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนมาส่วนหนึ่งแล้ว โดยการจะกู้หรือไม่กู้เพิ่มเติมจะมีการพิจารณาตามความจำเป็นและแผนงานที่ชัดเจน กู้เท่าที่จำเป็นไม่ใช่กู้ครั้งเดียวเต็มพิกัดโดยยึดตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เป็นการปรับทุกๆ 3 ปี เป็นไปตาม พ.ร.บ. อยู่แล้ว ตาม พ.ร.บ.อยู่แล้ว
สำหรับแผนการหารายได้เพื่อชำระหนี้ นั้น รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนรัฐบาลมีนโยบายชัดเจน เรื่องการเร่งรัดหารายได้ใหม่ๆตามแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งจะช่วย GDP และรายได้ของรัฐ
โฆษก ยัน นายกฯ – ประวิตรลงพื้นที่รับฟังปัญหาปชช. ปกติ ไม่ได้เป็นการแสดงพลัง ขออย่าสร้างความขัดแย้ง
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกำหนดการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ชนกันกับการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกมองว่าเป็นการแสดงพลัง นั้นยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกันอย่าหาเรื่องมาสร้างความขัดแย้งซึ่งการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุม ครม.ไปแล้ว ว่าให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ทุกคน ลงพื้นที่ หากไม่ติดราชการสำคัญใดๆก็เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและเตรียมการแก้ปัญหาอุทกภัยไว้ล่วงหน้า
ส่วนที่ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีเปิดใจว่าเหนื่อยหรือไม่กับศึกภายในพรรคพลังประชารัฐ และบนท้องถนน นั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เหนื่อยไม่ได้ โดยขอขอบคุณรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ข้าราชการทุกกระทรวง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร หน่วยงานความมั่นคง และประชาชน ทุกคนที่เข้าใจ ร่วมมือปฏิบัติตามกฎหมาย เห็นใจผู้เดือดร้อนจากการชุมนุมมีหน่วยงานรับผิดชอบดูแลดูแลตามกฎหมายซึ่งสังคมก็จะต้องช่วยกันดูแลเพราะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้อื่น นายกรัฐมนตรีมีความเห็นต่อเรื่องนี้นายกรัฐมนตรียังมีความเห็นในเรื่องการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ชี้แจงว่าขณะนี้การจ่ายเบี้ยขณะนี้การจ่ายเบี้ยยังชีพตามปกติไม่ได้มีการปรับลดแต่อย่างใดและหากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ให้รักษาสิทธิ์ผู้รับสิทธิ์เดิมไปชนเสียชีวิต โดยขณะนี้ยังไม่ได้มีการรับแจ้งจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งมีการรายงานว่าคณะอนุกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ พิจารณาข้อเสนอทางเลือกส่งให้คณะกรรมการ ผู้สูงอายุแห่งชาติ ที่ท่านนายกได้มอบหมายให้ท่านนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่แทนและต้องเสนอให้ ครม. พิจารณา
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี พร้อมรับฟังหากมีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมจะส่งให้พม.รับ ไปพิจารณา
นายกฯ สั่งการพลิกโฉมประเทศไทย พัฒนาเตรียมการด้านทรัพยากรมนุษย์ รองรับโลกยุคใหม่ หลังสถานการณ์โควิด-19
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการ หลังได้เดินทางตรวจเยี่ยมลงพื้นที่ โครงการ Factory sandbox ของบริษัทมิตซูบิชิมอเตอร์จำกัด ในจังหวัดชลบุรีเมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีรายงานยอดการส่งออกรถว่ามีการปรับตัวที่ดีขึ้น และขอบคุณ ประธานบริษัทมิตซูบิชิมอเตอร์ ที่ดูแลในเรื่องป้องกัน การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังมีข้อสั่งการถึงแนวทางการทำงานแบบใหม่ พลิกโฉมประเทศไทย โดยเน้นการพัฒนาสร้างโอกาส ให้กับประเทศไทยทั้งฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์ และการพัฒนาเตรียมการด้านทรัพยากรมนุษย์ รองรับโลกยุคใหม่ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมทั้งเร่งสร้างความเข้าใจว่าจะต้องอยู่กับคนติดต่อไปช่วยกันนำพาประเทศก้าวผ่านภาวะวิกฤตไปให้ได้
นายกรัฐมนตรี กำชับข้าราชการรู้จักปรับตัว เรียนรู้นโยบายรัฐบาล ลดช่องว่างกับประชาชน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้มีการกำชับข้าราชการทุกคนต้องรู้จักปรับตัว เรียนรู้นโยบายของรัฐบาลเพื่อเป็นการต่อยอดการทำงานตามแนวทางพระราชดำริในการช่วยเหลือประชาชน ต้องไม่เกิดช่องว่างระหว่างข้าราชการและประชาชนในพื้นที่ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบการทำงานอย่างเข้มงวดของข้าราชการในทุกระดับ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคด้วย
นอกจากนั้นนอกจากนั้น ที่ประชุมได้มีการรายงานการสรุปผลการดำเนินการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 – 20 กันยายน 2564 โดยการเรียนร้องทุกข์เกี่ยวกับเรื่องโควิด-19 มีจำนวน 448,287 เรื่อง ยุติเรื่องได้ จำนวน 446,545 เรื่องคิดเป็นร้อยละ 99.61 และรอผลการดำเนินการอีก จำนวน 1,742 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 0.39 ขณะที่การร้องเรียนร้องทุกข์ในเรื่องทั่วไป จำนวน 66,500 เรื่อง ยุติเรื่องได้ จำนวน 61,522 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 92.51 และรอผลการดำเนินการจำนวน 4,978 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 7.49
ลูกจ้างเฮ ครม.ไฟเขียว ลดส่งเงินสมทบประกันสังคม ม.33,39 3 เดือน เริ่ม ก.ย.-พ.ย.
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. อนุมัติลดอัตราเงินสมทบประกันสังคมเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน 2564 โดยในส่วนของผู้ประกันตนในมาตรา 33 ฝ่ายในจ้างเดิมหักสมทบเข้าระบบประกันสังคมเดือนละ 5% ของค่าจ้างลูกจ้างที่ใช้คำนวณเงินสมทบลดลงเหลือ 2.5% ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 33 เดิมหักเงิน สมทบเข้าระบบประกันสังคม 5% ต่อเดือนลดเหลือ 2.5% ต่อเดือน ผู้ประกันตนมาตรา 39 จากเดิมจ่าย 432 บาทลดลงเหลือเดือนละ 235 บาท อัตราการลดเงินสมทบนี้มีระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนกันยายน ถึงเดือนพฤศจิกายน 2564
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news