“อนุทิน”แถลงรวบแก๊งรีดเงินWalk-In ฉีดวัคซีน 7 ราย ฟันฉ้อโกง พร้อมนำผู้ต้องหาทำแผนย้ำมีพอประชาชนลุยเข็ม 3
นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงผลปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ทำการนำหมายศาลเข้าตรวจค้น จับกุมผู้ต้องหา 7 ราย จากการก่อเหตุ แฮ็กเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมรายชื่อผู้มีสิทธิที่จะได้รับ การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด -19 เข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งผู้มีรายชื่อดังกล่าว ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะทำการฉีดวัคซีนให้
ซึ่งจากข้อมูลพบว่า รายชื่อที่กลุ่มผู้ต้องหานำเข้าสู่ระบบมีมากกว่า 1,000 รายชื่อ โดยมีการเรียกเก็บเงินในการเพิ่มรายชื่อ รายละ 200-1,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวนสอบสวนพยานกว่า 200 ปาก ก่อนจะยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญาผู้ต้องหา 7 ราย โดยผู้ต้องหาบางรายเป็นพนักงานเอาท์ซอร์สเครือข่ายบริษัทมือถือ
ซึ่ง ผู้ต้องหาทั้งหมด โดนจับในความผิดฐาน “ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ ,ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยร่วมกันกระทำต่อระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ,ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะหรือความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกง”
ทั้งนี้ นายอนุทิน ยืนยันว่า การฉีดวัคซีนจากหน่วยงานของรัฐ รวมถึงที่ศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ ไม่มีการเรียกเก็บเงินค่าวัคซีน และ ค่าดำเนินการใดๆ ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อ พร้อมย้ำวัคซีนมีเพียงพอ เดินหน้าฉีดให้ได้ตามเป้าในปีนี้ ซึ่งขณะนี้สามารถฉีดได้แล้ว 50 ล้านโดส และกำลังเร่งฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 3 ให้ผู้ที่ฉีดซิโนแวคมาแล้ว 2 เข็ม ขณะเดียวกัน ได้นำผู้ต้องหา 2 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่ลงมือเพิ่มรายชื่อผู้มีสิทธิฉีดวัคซีนเข้าไปยังระบบ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในจุดที่ใช้ลงมือก่อเหตุ
โดย 1 ใน 2 ผู้ต้องหาสารภาพยืนยันว่า การกระทำไม่ได้เป็นการตัดโควตาของประชาชนทั่วไป ในแต่ละวันผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์มือถือจะมีโควตาในการใช้ลงทะเบียน จึงใช้ช่องทางนั้นในการลงทะเบียน รอที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อเป็นศูนย์กลางในการกระจายวัคซีนทำให้ปริมาณวัคซีนในแต่ละวัน มีจำนวนเพียงพอที่จะเพิ่มจำนวนตามความต้องการของตนเอง โดยเริ่มแรกเป็นการลงทะเบียนให้กับคนรู้จัก เพื่อที่อยากจะช่วยให้ได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว จากนั้นก็มีคนมาติดต่อให้ตนลงทะเบียนการฉีดวัคซีนให้กับคนอื่น โดยให้ค่าจ้างหัวละ 200-300 บาท ก่อนที่คนที่มาจ้างตนจะนำไปบวกค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 ทอด โดยจับว่ามีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสูงสุดถึง 1,000 บาทในแต่ละคน ซึ่งในส่วนของตนเองตลอดเวลาที่ทำการทุจริตได้เงินไปประมาณ 3-4 ล้านบาท ส่วนเงินที่ได้นำไปใช้จ่ายหนี้สินที่เกิดจากช่วงภาวะการระบาดของเชื้อโควิด 19 เนื่องจากว่ารายได้ที่ได้จากการทำงานสุจริตได้เพียงวันละ 500 บาท
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news