ศบค.ยังคงพื้นที่แดงเข้ม 29 จังหวัด ปรับมาตรการเดินทางเข้าประเทศ-ท่องเที่ยว เริ่ม 1 ตค.นี้ ขยายพื้นที่นำร่อง
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธินโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวว่า สถานะสีแต่ละจังหวัดยังคงเดิม คือ พื้นที่สีแดงเข้มหรือพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด, พื้นที่ควบคุมสูงสุด สีแดง 37 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม สีส้ม 11 จังหวัด
โดยนายแพทย์ทวีศิลป์ ระบุว่า ที่ประชุมมีการปรับมาตรการสำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรและพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว ซึ่งมีการปรับลดระยะเวลาการกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศในสถานที่กักกันทุกรูปแบบ รวมทั้งผู้ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นจังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. นี้
โดยผู้ที่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์อย่างน้อย 14 วัน ทุกช่องทางกรณีทางน้ำต้องมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนทุกคน ต้องกักตัวหรือเข้าพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างน้อย 7 วัน การตรวจหาเชื้อต้องตรวจหาด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง, กรณีไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์หากเดินทางมาจากทางอากาศและทางน้ำต้องกักตัวอย่างน้อย 10 วัน ต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง หากเดินทางทางบกต้องกักตัวอย่างน้อย 14 วัน และต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง
ด้านจังหวัดที่กำหนดเป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวในแต่ละระยะหรือพื้นที่สีฟ้า ระยะนำร่อง 4 จังหวัด ดำเนินการในพื้นที่นำร่องเดิม คือ จังหวัดภูเก็ต,สุราษฎร์ธานี ที่เกาะสมุย, เกาะพะงันและเกาะเต่า, จังหวัดพังงา ที่เขาหลักและเกาะยาว และจังหวัดกระบี่ ที่เกาะพีพี, เกาะไหง, ไร่เลย์, คลองม่วงและทับแขก ระยะที่หนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 1-30 พ.ย.64 พื้นที่ 10 จังหวัด คือกรุงเทพมหานคร, กระบี่ทั้งจังหวัด, พังงาทั้งจังหวัด, ประจวบคีรีขันธ์ ที่ตำบลหัวหินและหนองแก, จังหวัดเพชรบุรี ที่เทศบาลเมืองชะอำ, จังหวัดชลบุรี ที่พัทยา, อำเภอบางละมุง ตำบลนาจอมเทียน และตำบลบางเสร่, จังหวัดระนอง ที่เกาะพยาม, จังหวัดเชียงใหม่ ที่อำเภอเมือง, อำเภอแม่ริม, แม่แตง และดอยเต่า, จังหวัดเลย ที่เชียงคาน และจังหวัดบุรีรัมย์ ที่อำเภอเมือง ระยะที่สองตั้งแต่วันที่ 1-31 ธ.ค.64 จำนวน 20 จังหวัด คือ เชียงราย, แม่ฮ่องสอน, ลำพูน, แพร่, หนองคาย, สุโขทัย, เพชรบูรณ์, ปทุมธานี, อยุธยา, สมุทรปราการ, ตราด, ระยอง, ขอนแก่น, นครราชสีมา, นครศรีธรรมราช, ตรัง, พัทลุง, สงขลา, ยะลา และนราธิวาส ระยะที่สามตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.65 เป็นต้นไป เพิ่ม 13 จังหวัด คือ ที่จังหวัดสุรินทร์, สระแก้ว, จันทบุรี, ตาก, นครพนม, มุกดาหาร, บึงกาฬ, อุดรธานี, อุบลราชธานี, น่าน, กาญจนบุรี, ราชบุรีและสตูล
โดยจังหวัดนำร่องจะต้องมีความครอบคลุมการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ อย่างน้อย 50% และในกลุ่ม 608 อย่างน้อย 80% อัตราของครองเตียงผู้ป่วยเหลืองแดง ไม่เกิน 80% ด้านพื้นที่นำร่องให้ใช้พื้นที่เป็นหลักมากกว่าทำทั้งจังหวัด โดยต้องครอบคลุมการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์อย่างน้อย 70% และในกลุ่ม 608 อย่างน้อย 80% และกิจกรรมหรือกิจการที่รองรับนักท่องเที่ยว ต้องครอบคลุมการได้รับวัคซีนอย่างน้อย 80% มีการเฝ้าระวังต่อเนื่องและไม่พบผู้ติดเชื้อในกิจกรรมหรือกิจการในช่วง 14 วันที่ผ่านมา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news