“สุพัฒนพงษ์”ย้อน”พิชัย” ลดดีเซล 5 บาท พูดง่าย ถามกลับเสียรายได้ปีละ 200,000 ล้าน หาเงินจากไหนมาอุด ยันราคาเป็นไปตามกลไกตลาด
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึง การปรับลดอัตราการเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชิงเพลิงดีเซล B7จาก 1บาทเหลือ 0.1 บาท /ลิตร ส่งผลให้ดีเซล B7 ลดลงลิตรละ 1 บาท และลดสัดส่วนไบโอดีเซลจาก B7 และB10 เหลือ B6 ตั้งแต่วันที่ 11-31 ตุลาคม ซึ่งจะช่วยทำให้โครงสร้างราคาดีเซลถูกลง พร้อมอธิบายสาเหตุราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเพราะ เกิดจากสถานการณ์ตลาดโลก ปรับขึ้นจาก 4-5 เหรียญเป็น 40 เหรียญ ซึ่งไม่ใช่ขึ้นแต่เพียงน้ำมัน แต่รวมไปถึงแก๊สธรรมชาติและถ่านหิน และเมื่อวานนี้กลุ่มโอเปกจะประชุมเพิ่มการกำลังผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล ต่อวัน แต่ไม่สามารถหยุดยั้งราคาน้ำมันได้ จึงทำให้ต้องมาลงมาดูแลน้ำมัน โดยเฉพาะ B7 ซึ่งมีปริมาณการใช้จำนวนมาก โดยพยายามจะเชิญชวน ผู้ใช้ B7 มาใช้ B10 ซึ่งมีราคาต่ำกว่า 30 บาท แต่ยังทำได้ไม่ดีเนื่องจากยังมีปัญหาทางด้านเทคนิค จึงต้องพยายามทำให้ ราคาน้ำมัน B7 ตรึงราคาเท่ากับ B10
ส่วนเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะนี้เหลืออยู่หมื่นกว่าล้านบาท หากไม่พอสามารถกู้ยืมได้ตามกติกา แต่มองว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ เป็นเรื่องของสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงเร็ว และหนาวเย็นในหลายภูมิภาค ทำให้ราคาน้ำมันขึ้นเป็น 2-3 เท่าตัวที่สหภาพยุโรป
ขณะเดียวกันนายสุพัฒนพงษ์ ยังระบุถึง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ และ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกมาระบุว่า หากเป็นรัฐบาลจะสามารถลดราคาน้ำมันดีเซลลงได้ถึง 5 บาท ว่า ปัจจุบัน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีการใช้ปริมาณน้ำมันดีเซลวันละ 60 ล้านลิตร โดยหากมีการปรับลดอัตราลง 5 บาทต่อลิตร เท่ากับว่าต้องเสียรายได้วันละ 300 ล้านบาท ซึ่ง 1 เดือนจะสูญเสียรายได้กว่าหมื่นล้าน ไปหาสถานการณ์ปกติจะใช้วันละ 100 ล้านลิตร จะทำให้สูญเสียรายได้เดือนละกว่า 20 ล้านบาท หรือปีละ 2 แสนล้านบาท ซึ่งหากกล่าวกรณีดังกล่าวสามารถพูดได้ จะหาเงินจากที่ไหนมาอุดกองทุนน้ำมัน ซึ่งวิธีการที่รัฐบาลทำอยู่ขณะนี้เป็นการรักษาสมดุล เพราะมีการลดค่าประกอบการตลาดของสถานีบริการน้ำมัน เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค
“สุพัฒนพงษ์” ยังไม่รับสัญญาณปรับออกจากครม. ขอทำงานเต็มที่ตามนายกฯมอบ เร่งช่วยประชาชนน้ำท่วม
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีที่อาจมีชื่อตนเองถูกปรับเปลี่ยนออกนั้น ว่า ก็ยังเป็นการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนเท่านั้น ซึ่งก็แล้วพิจารณญาณ ตนเองไม่ได้รับทราบเรื่องนี้?และยังไม่มีสัญญาณใดๆจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกวันนี้ตนเองยังคงทำงานอย่างเต็มที่ตามที่นายกรัฐมนตรี? ได้มอบหมาย? โดยเฉพาะภาวะวิกฤตปัจจุบัน
โดยนายกรัฐมนตรี สั่งงานอะไรก็ต้องทำและในวันนี้ตนเองยังมีภารกิจเดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยอีกด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news