Home
|
ข่าว

ท่าเรือ ดวล บุรีรัมย์ อนุญาต แฟนเข้าชม 25 %

Featured Image

 

คณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. อนุมัติ “สิงห์เจ้าท่า” แข่งแบบเปิดในเดือนตุลาคม 25 เปอร์เซ็นต์ของความจุสนาม เริ่มนัดแรก ดวล “ปราสาทสายฟ้า”

หลังจากที่ ศบค. มีมติผ่อนปรนให้การจัดแข่งขันกีฬาฟุตบอล มีผู้ชมได้ไม่เกิน 25 เปอร์เซ็นต์ของความจุสนาม ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป สโมสรฯ ได้ดำเนินการตามกระบวนการ เพื่อขออนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ให้แฟนบอลสามารถเข้าชมเกมในสนาม โดยล่าสุด ได้รับการอนุมัติให้แข่งขันแบบเปิดเป็นทีมแรกในกรุงเทพมหานคร ด้วยสัดส่วน 25 เปอร์เซ็นต์ ในเกมเหย้าตลอดเดือนตุลาคม เริ่มตั้งแต่เกมพบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สัปดาห์นี้

ทั้งนี้ ต้องดำเนินการจัดแข่งขันตามมาตรการสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 สโมสรจึงกำหนดเงื่อนไขการเข้าชมการแข่งขัน ณ แพท สเตเดี้ยม ดังนี้

1. รับวัคซีนแล้วจำนวนดังนี้
– วัคซีน Sinovac 2 เข็ม
– วัคซีน AstraZeneca 1 เข็ม
– วัคซีนอื่นๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด จำนวน 1 เข็ม
– วัคซีนสูตรไขว้ Sinovac + AstraZeneca ครบจำนวน 2 เข็ม
– ระยะเวลารับวัคซีนประเภทต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 14 วันก่อนเข้าชมการแข่งขัน
– หรือใบรับรองผลตรวจ ATK หรือ RT-PCR เป็นลบไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนเข้าชมการแข่งขัน

**โดยปฏิบัติตามข้อใดข้อหนึ่ง**

2. แสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน ได้แก่ ใบรับรองการฉีดวัคซีน หรือ หลักฐานบนแอปพลิเคชันหมอพร้อม และบัตรประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรหน้าสนาม

3. สแกนลงทะเบียนในระบบไทยชนะ, Thai Save Thai และลงทะเบียนกับสโมสร

4. ปฏิบัติตามมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด
– สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
– ตรวจวัดอุณหภูมิ
– ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ
– ปฏิบัติตามมาตรการ Social Distancing อย่างเคร่งครัด
– งดการรวมกลุ่มรับประทานอาหาร

**หากผู้เข้าชมมีอาการบ่งชี้ของโรคโควิด-19 รวมถึงอาการไข้ ไอ หรืออื่นๆ ขอสงวนสิทธิ์ปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรม**

ทั้งนี้ การท่าเรือ เอฟ.ซี. เตรียมฟาดแข้ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในศึกรีโว่ ไทยลีก 2021/22 นัดที่ 7 วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม 2564 เวลา 18.30 น. ถ่ายทอดสดทาง AIS PLAY

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube