“หนูไฟ” ไป “โคขวิด” มา “ลุง” อยู่

‘@วันพฤหัสที่ 31 ธ.ค.63 วันสุดท้ายสิ้นปี ”ชวด” ที่เป็น ”หนูไฟ” มีเหตุให้บ้านเมืองร้อนลุกเป็นไฟตั้งแต่ต้นปียันท้ายปีจาก ”โควิดภาค1” ถึง ”วิกฤติเศรษฐกิจ” วิกฤติการเมืองสังคมที่ทำให้เป็นเชื้อให้ ”ม็อบเด็ก” สุมไฟอีกหลายกอง ปฏิบัติการ ”ม็อบมุ้งมิ้ง” สู่ ”ราษฎร” จาก 10 ข้อเรียกร้องสู่ 3 ข้อเรียกร้อง ”ทะลุเพดาน” เลย ”หลังคา” ไปไหนต่อไหนกับคดี ม.112,116 ที่ยาวเป็นหางว่าวของ ”แกนนำราษฎร” จนเหมือน ”ฝ่อ” เซาลงไปแต่ก็ยังยืนยันจะเคลื่อนไหวกันต่อปีหน้า ก่อนจะมาปิดท้ายเดือนสุดท้ายปลายปีที่ ”โควิดภาค2” @ที่ทำให้ ”ลุง” วันนี้(31ธ.ค.)ทำได้แค่ อวยพรปีใหม่ ”ปีฉลู” 2564 แบบปลุกขวัญปลอบใจทั้งตัวเองและ ”ประชาชน” ให้มีความสุข ระวังตัวเองจาก ”โควิด” และวางแผนอนาคตไว้ แบบที่ ”ลุง” หรือ ”หมอทวีศิลป์” ไม่ต้องบอกก็รับรู้ได้จาก ”สัญญาณ” การระบาดของโรคที่เร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาแล้วว่า “ปีวัว” หลังเคาท์ดาวน์ ”ปีหนูไฟ” คืนนี้ ตื่นมาวันพรุ่ง 1 ม.ค.2564 จะไม่ใช่ ”วัว” แบบ ”โคขุน” เนื้อย่าง ที่กินได้แน่ หากแต่จะเป็น ”โคขวิด” พิษสงร้ายสมชื่อจาก ”โควิด-19” ภาค 2 ที่กำลังอาละวาดไล่ขวิดทุกคนให้ต้องเจ็บตายกันต่อแบบไม่รู้จบไปถึงเมื่อไหร่ ที่ถามหมอคนไหนก็มีแต่ ”ส่ายหน้า” ไม่รับเย็บ @แต่ที่แน่ๆ ”ผลลัพธ์” ปลายทางจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเป็นสเต็ปพอจะเห็นภาพกันแล้ว ว่า หลังจากกลับมาวันหยุดปีใหม่ที่บางคนไม่ได้หยุดแบบที่มีทั้งที่ ”หยุดไม่ได้” และ ”ไม่กล้าหยุด” อาจไม่ได้กลับมาทำงานใน ”ออฟฟิศ” ถึงอีก 3-4 เดือน เพราะต้อง ”เวิร์คฟอร์มโฮม” กันหรือบางธุรกิจที่หนักเกินทนจากปี ”หนูไฟ” ก็อาจ ”ตกงาน” ก่อน อันเป็นไปตาม ”โมเดล” ของ ”โควิดภาค1” หากจะต่างก็แค่ห้วงเวลา ที่หนนี้ ”โคขวิด” เปิดฉากขวิดประเทศไทย ตั้งแต่ปลายปีถึงต้นปีทำหน้าที่แทน ”ซานต้าครอส” ”ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่” ให้ คนไทยต้อง un happy New Year ไปพร้อมๆกับชาวโลกที่อ่วมอรทัยนำหน้าไปก่อนหน้า @ที่น่าสนใจกับสถานการณ์ ”หน้างาน” ตอนนี้คือ หลายฝ่ายโฟกัสที่ ”ลุง” และคณะว่าจะ ”ตัดสินใจ” ”ล็อกดาวน์” จังหวะไหน โดยจาก ”ข้อมูล” ของ ”หมอ” หลายท่านยืนยันสอดคล้องกับ ”3ฉากทัศน์” ที่เปรียบเสมือน ”3เลเวล” ที่ ”หมอทวีศิลป์” แจ้งประชาชนวันก่อน ว่า เวลาไม่คอยท่า “โควิด” ไม่รอเวลาการระบาดแบบรวมเร็วรุนแรงแบบก้าวกระโดดที่หาก ”รัฐบาล” ไม่รีบตัดสินใจ ”ล็อกดาวน์” ในสัปดาห์นี้สิ่งที่ตามมาจะยิ่งกว่า ”หายนะ” @โดยน่าสนใจกับข้อมูลของ “รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์” คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ล่าสุด ที่ ”ฟันธง” แบบไม่เกรงใจ ”ลุง” ว่า การบริการจัดการระดับ ”นโยบาย” เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญ ด้วยลักษณะการตัดสินใจเชิงนโยบายปัจจุบัน ทั้งในเรื่องมาตรการที่ไม่เป็นทิศทางเดียวกันและช้ากว่าสถานการณ์ รวมถึงระบบการตรวจคัดกรองโรคที่ไม่เข้มแข็งเพียงพอที่จะรับมือกับการระบาดซ้ำได้ ดังจะเห็นได้จากจำนวนการตรวจที่ทำได้จำกัดมาก ทั้งที่เราเข้าสู่การระบาดซ้ำ/ระลอกสอง/ระบาดใหม่/ระบาดอีกครั้ง…อย่างเต็มตัวแล้ว และการระบาดซ้ำที่เรากำลังจะเผชิญนี้ แม้ในอนาคตจะดำเนินมาตรการเต็มที่อย่างไรก็ตาม รวมถึงล็อกดาวน์ “หากมี” หลังจากกลางมกราคมเป็นต้นไป ผสมกับการคลายบ้างล็อกบ้างตลอดช่วงเวลาการระบาด เราก็จะมีจำนวนการติดเชื้อสูงสุดต่อวันถึงประมาณ 940 คนต่อวัน หรือสูงกว่าระลอกแรก 5 เท่า และดูจะมีความชัดเจนมากแล้วว่าการต่อสู้ศึกระบาดซ้ำครั้งนี้ เราจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน @ ”หมอธีระ” ยังระบุอีกว่า จำนวนคนที่คาดว่าจะติดเชื้อทั้งหมดจากการระบาดซ้ำครั้งนี้ประมาณ 23,635-33,088 คน โดยในจำนวนนี้จะเป็นผู้ที่อาการรุนแรงประมาณ 3,546-4,964 คน และมีผู้ป่วยที่ต้องเข้า ICU และ/หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ 1,182-1,655 คน ตาย 237-331 คนหากไม่มีปัญหาขาดแคลนบุคลากร/เครื่องมือ/และยา แต่หากขาดแคลนจะสูงถึง 473-662 คน และว่า จากการระบาดซ้ำครั้งนี้ คาดว่าสถานการณ์ไทยจะอัพเลเวลอันดับโลกไปถึงประมาณออสเตรเลียหรือฟินแลนด์ ขณะนี้ดูแล้วเป็นไปได้ยากมากที่จะกดการระบาดไปให้ถึงระดับของฮ่องกง @ที่สำคัญ ”คุณหมอ” บอกด้วยว่าเริ่มพบปัญหาความไม่เพียงพอของอุปกรณ์ป้องกันต่างๆแล้ว ทำให้คาดการณ์ว่า ระบบสุขภาพอาจประสบปัญหาในการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ หลังจากนี้ไปราว 6-8 สัปดาห์ ซึ่งภาวะนี้จะส่งผลต่อเสี่ยงต่อบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับ และแน่นอน ผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้างจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหาเช้ากินค่ำ รวมถึงกิจการขนาดเล็กและขนาดกลาง และกระทบกับบรรดาโปรเจกต์ของ ”ลุง” เช่น ”เราเที่ยวด้วยกัน” ที่ยากจะเข็นต่อช่วงระบาดซ้ำรุนแรง เพราะหากฝืนทำต่อ จะวิกฤติหนักจากระบาดระลอกสามแบบญีปุ่น @ทั้งหมดทั้งมวลเป็นภาพของ ”ปีเก่า” ”ปีหนูไฟ” ที่กำลังจะผ่านไปสู่ ”ปีใหม่” ”โคขวิด” หรือ ”วัวบ้า” ที่คาดหวังว่า ”ทุกฝ่าย” รวมถึงประชาชนคนไทย จะเรียนรู้เพื่อทำใจ ”รับมือ” กับ ”โควิด-19” ที่มาอีกรอบและยังไม่ไปง่ายๆเหมือน ”ลุง” ที่แม้จะมีภัยอะไรจะมาจะไปใครจะว่ายังไง ”ลุง” ก็ยัง ”อยู่” สู้เพื่อ ”พี่น้องคนไทย” ต่อไป