พิจิตรพบติดโควิด นร.อนุบาล-มัธยมและชาวบ้านสั่งปิดโรงเรียนศูนย์เด็กเล็กห่วงนิคมอุตสาหกรรมและโรงงาน
นายสุวิทย์ชาติ นวมเพชร นายอำเภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร ลงพื้นที่ร่วมกับ นายกฤตชัย สุวรรณจินดา ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง , นายสุรพล สิริปิยานนท์ สาธารณสุขอำเภอวชิรบารมี ,แพทย์หญิงผกามาศ เพชรพงศ์ ผอ.รพ.ชิรบารมี ลงพื้นที่พร้อมบุคลากรทางการแพทย์เพื่อดำเนินการคัดกรองหาผู้ติดเชื้อโควิดที่วัดสระบรเพ็ด ต.วังโมกข์ อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร ที่เกิดเหตุการณ์จากการที่มีผู้ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯมาร่วมงานศพในหมู่บ้านแล้วเดินทางกลับไป กทม. โทรกลับมาแจ้งว่าติดเชื้อโควิด ซึ่งทำให้มีเด็กนักเรียนชั้น ป.3 ติดเชื้อโควิด
จากนั้นก็ลุกลามไปยังคนในครอบครัวและเชื้อแพร่กระจายไปยังชาวบ้านหมู่ 4 บ้านวัดสระบรเพ็ดจนทำให้มีเด็กนักเรียนจากโรงเรียนอนุบาลบ้านวัดสระบรเพ็ด ติดเชื้อโควิด อีก 2 คน และ เด็กนักเรียนโรงเรียนวังโมกข์วิทยา ซึ่ง เป็นโรงเรียนมัธยม ติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 3 คน จึงได้มีการตรวจหาผู้สัมผัสใกล้ชิดเชื้อเชิงรุกไปแล้ว จำนวน 95 คน ผลออกมาเป็นบวก คือ ติดเชื้อโควิด 16 คน
ล่าสุด นายสุวิทย์ชาติ นวมเพชร นายอำเภอวชิรบารมี จึงสั่งการให้ปิดโรงเรียนระดับประถม-มัธยม-ศูนย์เด็กเล็ก รวม 3 แห่ง ภายในตำบลวังโมกข์ และวันนี้ก็ได้นำชาวบ้านยกหมู่บ้านรวมเกือบ 400 คน มาทำการ Swab หาเชื้อโควิดแบบปูพรมยกหมู่บ้าน
พร้อมกล่าวว่าตอนนี้ในเขต อ.วชิรบารมีมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจึงสั่งการเปิดใช้ รพ.สนามที่มีอาคารและอุปกรณ์ตั้งอยู่ภายใน รพ.วชิรบารมี โดยวันนี้มีผู้เข้าใช้ รพ.สนาม แล้ว 8 ราย ซึ่งยอมรับว่า เป็นห่วงพื้นที่เศรษฐกิจ คือ นิคมอุตสาหกรรมและโรงงานต่างๆที่อยู่ในพื้นที่ ดังนั้นจึงต้องตีกรอบล้อมวงไม่ให้เชื้อโควิดแพร่กระจายไปมากกว่านี้
สำหรับโควิดพิจิตร ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 64 ตัวเลขตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนถึงวันนี้มีผู้ป่วยสะสม 4,916 ราย หายป่วยแล้ว 4,585 ราย ยังคงมีผู้ป่วยนอนรักษาตัวอยู่ใน รพ.ต่างๆ ใน 12 อำเภอ 304 ราย และพบผู้ป่วยรายใหม่ล่าสุดของเมื่อวานนี้ 28 รายส่วนตัวเลขสะสมผู้เสียชีวิตมี 62 ราย (โดยผู้เสียชีวิตรายสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 64 จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ยังไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมแต่อย่างใด)
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
