ศบค.ห่วงมีคลัสเตอร์ทอดกฐินหลายจังหวัด ขอเข้มงวดมาตรการป้องกัน กำชับเร่งฉีดวัคซีน ให้ครอบคลุมประชากรตามเป้า พบเปิดประเทศมีติดเชื้อ 20 ราย
แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือศบค. กล่าวว่า พื้นที่กรุงเทพมหานครเลขผู้ป่วยลดลงกว่าหลายช่วงที่ผ่านมา แต่ที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุขยังจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากบางวันตัวเลขลดลงกว่านี้ แต่คลัสเตอร์ที่ประชุมศปก.ศบค. เป็นห่วงที่เน้นย้ำตลอดสัปดาห์
ที่ผ่านมา คือ คลัสเตอร์งานทอดกฐิน มีการรายงานหลายจังหวัด เช่น ยโสธร ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นการกลับจากงานทอดกฐินที่ขอนแก่น ศรีสะเกษ,ประจวบคีรีขันธ์, สิงห์บุรี, กาญจนบุรี ,สตูล ซึ่งตลอดเดือนนี้จะมีการจัดงานกฐินอย่างต่อเนื่อง จึงขอเน้นย้ำขอความร่วมมือจังหวัด สถานที่จัดงาน วัด และประชาชนขอให้ระมัดระวังและปฏิบัติตามแนวทาง มาตรการป้องกันตนเองขั้นสูงสุด และขอให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขในวัดอย่างเข้มงวด รวมถึงการเดินทาง
โดยแพทย์หญิงอภิสมัย ระบุว่า เน้นย้ำจังหวัดที่ยังฉีดวัคซีนได้ไม่ครอบคลุม ขอให้เร่งการฉีดวัคซีน รวมถึงเน้นย้ำจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวหรือพื้นที่สีฟ้า เช่น พื้นที่หนองคาย ที่การครอบคลุมวัคซีนยังไม่ถึง 50% ขณะนี้ได้ 48.7% เช่นเดียวกับอุดรธานีที่ได้ 51.6% และเลยที่ได้ 51.7% ขอให้พื้นที่นำร่องท่องเที่ยวที่ฉีดเกินไปเป้าหมายแล้วเร่งระดมฉีดวัคซีนต่อ ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องการติดเชื้อรวมทั้งการเสียชีวิต
ส่วนของผลการดำเนินงานรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1-7 พ.ย.ที่ผ่านมา ในโครงการ Test to go, Sandbox และ Quarantine รวม 14,431 ราย พบการติดเชื้อ 20 คน คิดเป็น 0.09% ซึ่งเป็นตัวเลขที่กระทรวงสาธารณสุขติดตามอย่างใกล้ชิด เน้นย้ำประชาชนว่าการเข้าประเทศแบบ Test to go แบบไม่ต้องกักตัวและไม่จำกัดพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางสำหรับผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล เน้นย้ำความเสี่ยงยังคงมีอยู่ แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะที่สาธารณสุขปัจจุบันรองรับได้ เน้นย้ำภาครัฐ ผู้ประกอบการป้องกันเฝ้าระมัดระวังอย่างเข้มงวดและขอความร่วมมือประชาชนด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
