Home
|
เศรษฐกิจ

ส.ผู้ค้าปลีกไทยย้ำ”ช้อปดีมีคืน”ไม้ตายกระตุ้นศก.

Featured Image
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ย้ำ “ช็อปดีมีคืน” ไม้ตายสุดท้ายของปีนี้ เป็นสิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนที่สุด คาด เงินสะพัดได้ 3 – 4 แสนล้านบาท

 

 

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ในช่วงเริ่มต้นโค้งสุดท้ายของปี เห็นการออกมาจับจ่ายใช้สอยของผู้คนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรเร่งเดินหน้าผลักดันมาตรการต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นอย่างจริงจังและเร่งด่วน ซึ่งช่วงสิ้นปีถือเป็นไตรมาสที่สำคัญที่สุดในการเร่งฟื้นฟู รวมทั้งเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยให้สะพัดขึ้นภายในประเทศ และผ่านกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงในโครงการช็อปดีมีคืน

 

ซึ่งทางสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เสนอให้รัฐนำโครงการ “ช็อปดีมีคืน” กลับมาใช้ในโค้งสุดท้ายของปี 2564 ระยะเวลาตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2564 เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ของปี 2564 มีกลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สามารถลดหย่อนภาษีได้จำนวน 3.7 – 4.0 ล้านคนทั่วประเทศ โดยไม่มีการจำกัดเงื่อนไขและไม่จำกัดสิทธิกลุ่มที่เคยลงทะเบียนในมาตรการอื่นๆ ของรัฐบาล อาทิ คนละครึ่ง และยิ่งใช้ยิ่งได้ คาดว่าจะส่งผลให้มีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 1.5 – 2.0 ล้านคน โดยให้ขยายวงเงินเป็น 200,000 บาท จากเดิม 30,000 บาท (ในปี 2563) คาดการณ์เงินสะพัดรวมอยู่ที่ 3 – 4 แสนล้านบาท ส่งผลให้ GDP เติบโตขึ้นได้อีกร้อยละ 0.7 – 1.0

 

ทั้งนี้ “ช็อปดีมีคืน” เป็นโครงการที่สามารถอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีมูลค่าสูงที่สุด โดยสามารถสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้คนได้ตรงจุดในระยะเวลาอันสั้น โดยรัฐบาล ใช้งบประมาณเพียง 15,000 – 20,000 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าลดหย่อนภาษี จึงถือเป็นกระสุนทางการคลังที่สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบได้อย่างมหาศาลในระยะเวลาอันรวดเร็วและใช้งบประมาณเพียงเล็กน้อย โดยสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เชื่อว่า “ช็อปดีมีคืน” เป็นไม้ตายสุดท้ายของปีนี้ที่จะเร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วและเร่งด่วน สร้างเม็ดเงินไหลเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube