จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่ง 50 บริษัท ‘Deep Tech Startups’ มูลค่ากว่า 1.67 หมื่นล้านบาท เปิด “คลับจุฬาฯ สปินออฟ” เร่งฟื้นเศรษฐกิจไทยด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม
ด้วยพิษโควิด-19 ประเทศไทยซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคอาเซียนจึงจำเป็นต้องมี “เครื่องยนต์ใหม่” หรือ New Growth เพื่อขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเติบโตได้ในระยะยาว
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (29 พ.ย.64) ในงานเปิด “Club Chula Spin-off” ณ สามย่านมิตรทาวน์ ศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยในปาฐกถาพิเศษเรื่อง “เราสปินออฟ…เพื่อชาติ” ถึงแนวทางการขับเคลื่อนผลงานวิจัยและนวัตกรรมจุฬาฯ รองรับเศรษฐกิจไทยหลังผ่านวิกฤตโควิด-19 ว่า “นับเป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายประเทศไทยที่ต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วง 2 ปีนี้ นอกจากการส่งออก การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว มาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศแล้ว ประเทศไทยยังจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวใหม่เข้ามาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศชั้นนำของโลก จุฬาฯ จึงช่วยแก้โจทย์นี้ โดยส่งกลุ่ม Deep Tech Startups นำผลงานนวัตกรรมจากงานวิจัยของคณาจารย์และนักวิจัยจุฬาฯ จัดตั้งบริษัท “สปินออฟ” สนองนโยบาย University Holding Company ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยมี บริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ผู้พัฒนาวัคซีนป้องกันโควิดจุฬาฯ-ใบยา เป็นหัวจักรนำขบวนสปินออฟ ซึ่งขณะนี้จุฬาฯ พร้อมสปินออฟ 50 บริษัท อาทิ Haxter หุ่นยนต์ดูแลผู้ป่วย, MINEED นวัตกรรมนำส่งยาที่ละลายและซึมผ่านผิวหนัง, Nabsolute สเปรย์เพิ่มประสิทธิภาพหน้ากากผ้า, Tann D Innofood เส้นโปรตีนไข่ขาว, Herb Guardian นวัตกรรมฉีดพ่นลดฝุ่นละออง PM2.5 คิดมูลค่าตลาดรวมแล้วกว่า 1.67 หมื่นล้านบาท โดยเรายังได้ตั้งเป้าให้มูลค่าตลาดของทั้งสตาร์ทอัพและสปินออฟจุฬาฯ ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจนแตะ 5 หมื่นล้านบาท ภายใน 3 ปี ซึ่งจะเป็นอีกบทบาทหนึ่งที่เราจะได้เห็นอาจารย์และนักวิจัยจุฬาฯ เข้ามามีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้”
ทางด้าน ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวในฐานะประธานในพิธีเปิดว่า “กระทรวง อว. ได้เร่งดำเนินการสนับสนุนและกระตุ้นให้คณาจารย์และนักวิจัยของมหาวิทยาลัยนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม และพร้อมผลักดันในทุกเรื่องตามความต้องการของสถาบันอุดมศึกษาอย่างจริงจังให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นในมิติของกลไกการขับเคลื่อนมาตรการและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างการผลักดันที่เห็นเป็นรูปธรรมเด่นชัดคือการประกาศพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นกฎหมายที่สนับสนุนให้ผู้รับทุนหรือนักวิจัยสามารถเป็นเจ้าของผลงานวิจัยที่ได้รับทุนจากหน่วยงานของรัฐได้ ช่วยแก้ปัญหาเรื่องสิทธิความเป็นเจ้าของผลงานวิจัยระหว่างหน่วยงานให้ทุน กระตุ้นให้เกิดระบบเศรษฐกิจนวัตกรรมและยกระดับงานวิจัยในสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยของรัฐ นับเป็นก้าวสำคัญของการปลดล็อคอุปสรรคที่สำคัญของการพัฒนางานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของประเทศไทยให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างแท้จริง”
จับตาดูความเคลื่อนไหวของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยภายใต้การสนับสนุนของกระทรวง อว. ที่ออกตัวเร็วเปิด “คลับจุฬาฯ สปินออฟ” สร้างระบบนิเวศใหม่ในหมู่นักวิจัยให้หันหน้าเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมแชร์ประสบการณ์การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมให้สามารถตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมและเป็นเครื่องยนต์ตัวใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและนำให้อาเซียนเติบโตในระยะยาวกันต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news