หนุ่มตามฝัน “ไผ่ พงศธร” นักร้องลูกทุ่งแถวหน้าของเมืองไทยที่วันนี้จะมาเปิดใจทุ่มเงิน 5 ล้านทำรถแห่สุดยิ่งใหญ่หวังรับงานหลังโควิด แต่ตอนนี้โควิดมันกลับมาอีกแล้ว พร้อมทั้งเล่าย้อนชีวิตเฉียดตาย รถทัวร์คว่ำเกือบเอาชีวิตไม่รอด ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีหนิง ปณิตา, เป็กกี้ ศรีธัญญา และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ไม่ได้ออกคอนเสิร์ตมานานเท่าไหร่แล้ว?
ไผ่ : นานมากๆ น่าจะเกือบ 3 ปีแล้วมั้งครับ ก่อนโควิดลงทุนทำรถแห่ ลงทุนไปทั้งหมดประมาณ 5 ล้านกว่าๆ มันเป็นรถแห่ ผมตั้งใจให้ทีมงานเขามีงาน สามารถไปหาแฟนเพลงได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องไปตั้งเวที หรือว่าเป็นเครื่องเสียงเวทีอลังการอะไรขนาดนั้น คือรถจะทำเป็น 2 ระบบ วิ่งก็เล่นได้ พอจอดปุ๊บก็เป็นเหมือนเวทีคอนเสิร์ตเลย แล้วผมก็คิดว่าน่าจะมีอะไรที่อลังการมากกว่านั้น ผมก็เลยทำเวทีด้วย ใส่บนรถแห่ มีจอ แสง สี เสียง เต็มระบบ
รถแห่ที่ทำคือเงินสดเลย 5 ล้านบาท?
ไผ่ : จริงๆ เป็นเงินเก็บที่ทำงานหลายๆ ปี คือไม่อยากเป็นหนี้ เพราะถ้าเราเป็นหนี้เราก็ต้องมานั่งผ่อนอีกนาน เราก็ตัดสินใจถ้าทำขึ้นมา พอจะมีก็จ่ายไป แล้ววันนึงก็เริ่มต้นเก็บใหม่ คิดแบบนั้น แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะนานขนาดนี้
ทำอะไรก็ซื้อเงินสด บัตรเครดิตยังไม่เคยใช้เลย?
ไผ่ : ผมเป็นคนที่ไม่อยากเป็นหนี้ แล้วก็เป็นการปรับทัศนคติในการคิดของตัวเองด้วย เพราะว่าตัวเองเป็นคนที่อยากได้อะไรก็ซื้แอเลย ถ้าเรามีบัตรเครดิตเราก็ต้องไปรูด แล้วก็ต้องเป็นหนี้ ด้วยความสบายของคนบางทีมันได้ของมา แต่สิ่งที่ทำของคนคือต้องไปหาเงินมาใช้หนี้บัตรเครดิต ผมก็เลยคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้เราดัดนิสัยตัวเองดีกว่า ไม่ต้องทำ
คุณมี ATM ไหม?
ไผ่ : มีครับ มีไว้สำหรับโอนอะไรเล็กๆ น้อยๆ โอนให้แม่ โอนอะไรที่สำคัญๆ แต่ก็ไม่ได้เยอะมาก
ถ้าอยากใช้เงินสดทำไง?
ไผ่ : ก็บอกเขาไปเลยว่าเราต้องการอยากได้สิ่งนี้ เช่น อยากซื้อบ้าน พี่ผมอยากซื้อบ้าน เพราะเหตุผลนี้ ก็คุยกับเขา แต่ถ้าเหตุผลเราไม่เพียงพอเราก็ไม่สามารถใช้สิทธิ์นั้นได้
แสดงว่าไม่ถือเงินเอง มีพี่สาวช่วยดูอีกที?
ไผ่ : ใช่ครับ มีพี่ที่บริษัทดูแลเรื่องของบัญชี เรื่องของตัวเลขให้เรา ปกติไม่ค่อยพกเงิน พกแค่ค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน ค่ากิน ค่าโรงแรม
ถ้ามีสาวๆ ต้องพาไปกินข้าว ดูหนัง ทำยังไง?
ไผ่ : ส่วนมากถ้าไปแบบนั้น ไปกับครอบครัวมากกว่า ตอนนี้มีร้านพี่สาวอยู่ใกล้ๆ เราก็อาศัยกินร้าเขาเอา
อุบัติเหตุที่เท้าเย็บ 5 เข็ม วันนั้นเกิดอะไรขึ้น?
ไผ่ : ก่อนหน้านั้นผมไปเล่นฟุตบอลให้กับสโมสรยโสธร เอฟซี แล้วกลับมาที่บ้านเป็นช่วงปีใหม่ น่าจะเป็นวันที่ 30 อาจจะเป็นจังหวะ ถ้าคนมองในเรื่องของเวรกรรมก็อาจจะเป็นไปได้ คือกำลังจะแกะกับข้าว คนในครอบครัวเขาเรียกบอกว่ามาเปิดแอร์ให้หน่อย แอร์มันไม่ติด ผมก็กำลังจะวางกับข้าวแล้วเดินไปดูแอร์ พอเราหันหลัง อาจจะด้วยจังหวะหรืออะไรไม่รู้แขนเสื้ออาจจะไปโดนเก้าอี้แล้วก็ฟาดลงมาที่พื้นปูน แล้วมันแม่นมาก ตรงนิ้วก้อย เรารู้สึกว่าเจ็บ แต่ยังไม่กล้าดูที่แผล แล้วความรู้สึกตามมาคือมันมึน มันจะมีแสงบางอย่าง คือเลือดมันออก แต่มันเป็นหน้าหนาวเลือดมันไม่ได้ออกข้างนอก เลือดมันออกข้างใน เราก็เอากระดาษทิชชู่ปิดไว้ ทีมงานบอกว่าขอดูแผลหน่อย พอเปิดมาปุ๊บต้องไปเย็บ แล้วต้องเย็บสด ความรู้สึกตอนนั้นโอ้โห..เย็บสดมันต้องทรมานแน่ๆ เขาฉีดยาชาไปตรงแผลสด แล้วตอนล้างแผลเรามองเห็นอะไรที่เป็นขาวๆ ตอนฉีดยาชาร้องลั่นเลย ไม่ได้มีภาพไผ่ พงศธร มันเจ็บมาก ร้องลั่นโรงพยาบาลเลย
บาดแผลครั้งนี้ทำให้เรารับงานไม่ได้เป็นเดือนเลย?
ไผ่ : มันจะมีงานตกค้างอยู่งานนึงที่จังหวัดอุบล ผมเป็นได้สัก 3-4 วัน แต่ผมต้องไปร้องเพลง ซึ่งก็ไปสภาพนั้นแล้วก็นั่งร้องเพลง แต่แฟนๆ เขาก็เข้าใจ ตอนนั้นแผลยังไม่ปริ แต่จะมีช่วงนึงที่ผมต้องกลับมาถ่ายละครแล้วต้องใส่รองเท้า แต่แผลมันเริ่มดีขึ้นแล้วนะ แต่ว่าวันนั้นต้องใส่รองเท้าถ่าย รู้สึกเจ็บที่แผล ตอนเย็นไปเช็กที่คุณหมอ คุณหมอบอกแผลมันเริ่มที่จะมีรอยแยกๆ เพราะการเย็บคือมันเย็บห่าง มันไม่ได้เย็บแบบถี่ แผลมันเป็นแผลค่อนข้างสกปรก เพราะเป็นแผลสด แล้วการแตกของแผลมันแตกเฉียง มันจะหายช้ากว่าแผลที่มันแตกตรง ก็เลยต้องพักถ่ายละครไปอีก 3-4 วัน
คุณไปเคยรถทัวร์คว่ำ ณ ตอนนั้นย้อนไปกี่ปี?
ไผ่ : ตอนนั้นยังเรียนอยู่ที่เทคโนอยู่เลย คือเราต้องการเดินทางมาหาแม่ที่กรุงเทพฯ ในวันแม่ แล้วอยากได้โทรศัพท์ พี่สาวบอกจะซื้อให้ พอเดินทางวันนั้นรู้สึกว่าฝนจะตก ผมยังใส่กางเกงนักเรียนขายาว เสื้อกล้ามข้างในแล้วมีเสื้อคลุม ขึ้นรถทัวร์จากยโสธร ช่วงนั้นเป็นถนนที่สวนเลน ฝนตก ผมจำได้ว่าคำที่คนรถส่งไปบอกคนขับรถว่า ฝนตกนะพี่ระวังหน่อย คำนั้นแหละครับ กำลังจะแซง แล้วมีรถพุ่งมา ผมนั่งอยู่เบาะที่3 จังหวะที่เราเห็น เรารู้เลยว่ายังไงก็ต้องชนแน่ๆ แต่มันไม่ชน มันหัก มันยก แล้วรู้สึกเหมือนไปหาปลาใส่ถังแล้วสั่น มันคว่ำ พลิกเสร็จปุ๊บเราคิดว่าน่าจะหมดสติไปพักนึง พอเรารู้ตัวเราก็จะหาทางออกจากตัวรถ แล้วไปยืนอยู่ข้างบน เพราะกระจกมันแตกหมดเลย แล้วก็ไปโทรบอกแม่ว่าเกิดอุบัติเหตุ เราเจ็บข้างใน เขาก็พาไปโรงพยาบาล เราเป็นคนกลัวเข็ม ไม่ชอบการฉีดยา เลยหนีกลับมายโสธรเหมือนเดิม ขึ้นรถโดยสารมา
ไม่กลัวตายเหรอ?
ไผ่ : มันไม่ได้คิดเรื่องนั้น รู้สึกว่ามันไม่เป็นอะไรหรอก พอกลับมาถึงห้องก็มาเจอเพื่อนโดนตีด้วยขวด ก็มานอนข้างๆ มองตากัน ตอนนั้นเราไม่ได้เป็นอะไร แต่หลังจากรถคว่ำหลายปีเหมือนกันที่เราทิ้งไม่ได้คือมันกลัว เวลานั่งรถไม่ว่าใครขับ ผมนั่งข้างๆ ผมจะเบรกตลอดเวลาเลย แต่ทุกวันนี้ถ้าขับเองไม่เป็นไร แต่ถ้าคนที่ไม่เคยขับมาขับให้เราเราก็จะคิดถึงเหตุการณ์นั้น ต้องสวดมนต์ตลอดเลย ส่วนรถทัวร์ตั้งแต่เรามาทำงานตรงนี้ก็ไม่ได้ขึ้นแล้ว ไม่ได้กลัวขนาดนั้น แต่ก็ยังรู้สึก ทุกครั้งที่เดินทางต้องสวดมนต์ก่อน
เป็นคนที่แฟนคลับเยอะมาก?
ไผ่ : ก็มีบ้าง
เจอแฟนคลับแปลกๆ ไหมที่ไม่โอเคเลย?
ไผ่ : ก็ไม่ถึงขั้นที่ไม่โอเคครับ แต่มีแบบว่า เขาบอกว่าชาตินึงเคยเป็นผัว เมีย กัน แล้วตามมาที่ร้านลาบที่กรุงเทพฯ มาหาพี่สาวบอว่าเคยเป็นอะไรกัน แต่สุดท้ายเขาก็เป็นเหมือนคิดเอาเอง แล้วพี่สาวแก้ปัญหาให้ พยายามคุยให้เขากลับบ้าน แล้วมีคนนึงที่มาจากชัยภูมิ มาถึงหน้าบ้าน บอกว่าผมส่งข้อความไปในเฟซบุ๊กของเขา ให้เขาเลิกกับแฟน แล้วมาอยู่กับผมที่ยโสธร แม่ พี่สาวออกไปรับ เขาบอกว่าไผ่นัดมาจะให้มาอยู่ด้วยกัน เป็นแฟนกัน แต่สุดท้ายต้องส่งค่ารถเขากลับ
มีเคสนึงโทรมา?
ไผ่ : ครับ อันนี้ไม่ได้โทรมาชื่นชมนะ โทรมาด่า ด่าทุกวันไม่ซ้ำคำเลย ถามว่าโกรธเรื่องอะไร ถ้าผมมอง ผมว่าอาจจะเป็นเวรกรรมที่เราเคยทำ แล้วพี่สาวทนไม่ได้แล้ว ส่งเบอร์นี้ให้กับตำรวจ ตำรวจไปดูเป็นผู้สูงอายุ
อยู่ในวงการร่วม 20 ปี เห็นว่าเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจคือเรื่องของคุณพ่อ?
ไผ่ : จริงๆ เรามาทำอะไรที่ดูแลตัวเองได้มันไม่มีเขาอยู่แล้ว ถ้าเกิด ณ ปัจจุบันถ้าเอาทุกอย่างที่เรามีแลกเอาชีวิตเขาคืนมาผมยอมนะ แต่ว่าในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ นี่คือความคิดของลูกคนนึงที่อยากเป็นแบบนั้น แล้วก็เสียดายวันนั้นเราไม่กล้าที่จะกอด ผมเป็นคนขี้อาย แล้วไม่กล้าแสดงความรักตรงๆ ในความรู้สึกของเราอยากฝากไปบอกคนที่มีพร้อมวันนี้คุณไม่ต้องหาเงินให้มากมายเป็นร้อยล้าน พันล้านหรอก คุณไม่ต้องมีอาชีพการงานใหญ่โตขนาดนั้น แต่อยากให้คุณทำให้เขายิ้มได้ มีความสุข นั่งกินข้าวพร้อมกัน มีเทศกาลก็กลับไปเจอกัน มีเรื่องดีๆ นั่งคุยกัน กอดกัน บอกรักกันในทุกๆ วันผมว่าแค่นั้นมันพอแล้ว
ในใจลึกๆ มีความรู้สึกอะไรที่ติดค้างกับคุณพ่อ?
ไผ่ : คำว่าติดค้างคือเรารู้สึกว่ายังทำไม่เต็มที่ ถ้าทุกวันนี้พ่อยังอยู่ ผมสามารถที่จะซื้อรถให้พ่อได้ ผมสามารถทำให้พ่ออยากไปเที่ยวไหนก็ได้ แต่วันนั้นเรายังทำไม่ได้ เราจะกอดพ่อแล้วบอกว่าผมรักพ่อนะ ผมจะทำให้ดีที่สุด พ่อคือที่สุด คือตัวอย่างที่ดีที่สุด แต่วันนี้เราทำไม่ได้แล้ว คำบางคำที่เราไม่เคยพูด แค่คิด แค่วันนี้เราจะพูดออกไป มันก็อยู่แค่นี้ มันไม่สามารถพูดกับเขาได้ เลยอยากจะบอกน้องๆ หรือคนที่มีพร้อมทำซะ ไม่งั้นจะเสียดายเหมือนผม
วันนี้ถ้ามีโอกาสได้คุยกับคุณพ่อ อยากจะบอกอะไร?
ไผ่ : อยากจะขอบคุณที่พ่อทำให้ผมมีวันนี้ ขอบคุณที่ให้ชีวิต ให้เลือดเนื้อ ให้เนื้อก้อนนี้ได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ แล้วสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุด ดูแลครอบครัวให้ดีที่สุดตราบใดที่เรายังทำได้ และอยากจะบอกพ่อว่ารักพ่อที่สุด อยากกอดพ่อที่สุดครับ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news