“ศิธา-โภคิน” แท็กทีม ประกาศปลดล็อค กฎหมาย-ใบอนุญาตที่เป็นอุปสรรคทำกินของประชาชน ใช้พื้นที่ กทม.นำร่อง สร้าง “Bangkok legal Sandbox”พร้อมเปิดพื้นที่ค้าขาย ช่วยคนตัวเล็ก
น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พร้อมด้วย นายโภคิน พลกุล ผู้อำนวยการนโยบายพัฒนากรุงเทพมหานคร พรรคไทยสร้างไทย แถลงเน้นย้ำนโยบาย ในการปลดล็อค กฎหมายและใบอนุญาตที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นการทำมาหากินของประชาชน โดยน.ต.ศิธา ระบุว่า ที่ผ่านมากทม.ประสบปัญหาเมืองวิกฤตในหลายด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ โควิด-19 จึงทำให้ประชาชนในทุกระดับ ประสบปัญหา และไม่สามารถทำมาค้าขายได้
โดยเฉพาะกับผู้ค้ารายย่อย ผู้ประกอบการรายเล็ก ตนจึงมีนโยบายที่จะปลดปล่อยประชาชน โดยเฉพาะกฎหมายที่กดทับการทำมาหากิน ขณะเดียวกันจะสนับสนุนให้ประชาชนมีพลังในการต่อสู้ ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ และที่สำคัญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ต้องเข้าไปสนับสนุน ให้คนสามารถทำมาค้าขายได้ แต่ปัจจุบันกฎหมายไทย ได้ไปกดทับคนทำมาหากิน และมองว่าผู้ค้าผู้ขายคือผู้ร้ายและจ้องที่จะจับผิดอยู่ตลอดเวลา
ด้านนายโภคิน ระบุว่า ปัจจุบันมีกฎหมายใบอนุญาตที่ขัดขวางการทำมาหากินกว่า 1,500 ฉบับ ดังนั้นพรรคไทยสร้างไทย จะทำการปลดปล่อยประชาชน ให้สามารถทำมาหากินได้ด้วยการปลดล็อค และพักใบอนุญาต แขวนการบังคับใช้ไว้ชั่วคราว 3-5 ปี โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นอำนาจของกทม.จะทำทันทีใช้พื้นที่ กทม.เป็นพื้นที่นำร่อง สร้าง “Bangkok legal Sandbox” เพื่อให้คนกรุงเทพฯได้กลับมาทำมาหากินได้เร็วที่สุด
โดยไม่ต้องไปกังวลว่าจะต้องขอใบอนุญาตได้อย่างไร ขอใบอนุญาตได้ครบหรือไม่ จนเป็นช่องทางให้เกิดการรีดไถ เรียกรับผลประโยชน์ได้ เช่นในกลุ่มของผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็ก กลุ่มคราฟต์เบียร์ และในส่วนที่อยู่นอกเหนืออำนาจของกทม.พรรคไทยสร้างไทย จะประสานงานในสภาและระดับรัฐบาลต่อไป โดยพ.ร.ก.ฉบับนี้จะปลดปล่อยประชาชนจากพันธนาการทางกฎหมายที่ล้าหลัง และเป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากิน ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที
จากนั้นจะเป็นการสร้างโอกาส สร้างรายได้ให้คนกรุงเทพฯ โดยใช้อำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าไปบริหารจัดการพื้นที่ค้าขายทั้ง50เขตเพื่อให้ประชาชนมีพื้นที่ผ่อนคลายหลังเวลาเลิกงาน หรือยามค่ำคืน ซึ่งในส่วนของ Street Food ก็สามารถเข้าไปร่วมได้ โดยไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะถูกระเบียบหรือกฎเกณฑ์ มากีดกันการทำมาหากินหรือไม่
โดยน.ต.ศิธา เห็นด้วยว่า กทม.ต้องสนับสนุนให้ทุกคนสามารถทำมาหากินได้ ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายที่ต้องใช้อย่างสมดุล และปล่อยให้ Demand & Supplyเป็นตัวกำหนดการขับเคลื่อนการค้าขาย การทำมาหากินของประชาชน และที่สำคัญจะต้องสร้างให้คนกรุงเทพฯเข้าถึงแหล่งทุน ด้วยกองทุนเครดิตประชาชนเพื่อคนตัวเล็กหรือกองทุนคนตัวเล็ก ให้ตั้งตัวได้ เป็นการล้างหนี้นอกระบบแสนโหด โดยสามารถกู้ได้ตั้งแต่ 5,000-50,000 บาท ดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 1 ต่อเดือน โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews