กรุงเทพโพลล์ ประชาชนส่วนใหญ่รู้แล้ว รัฐเลิกอุ้มดีเซล 77.2% กังวลรายรับจะไม่เพียงพอรายจ่ายเพราะของจะแพงขึ้น 43.4% จี้รัฐคุมราคา และ 54.8% รัฐต้องหาทางออกบริหารน้ำมันในประเทศ
“กรุงเทพโพลล์” มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นประชาชนเรื่อง “รับมืออย่างไร หากค่าครองชีพพุ่ง หลังรัฐเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,038 คน
โดยการ การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ระหว่างวันที่ 25-28 เม.ย. ที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 58.7 ทราบว่ารัฐบาลจะเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซลในเดือน พ.ค. นี้ และอาจจะส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ขณะที่ ร้อยละ 41.3 ระบุ ไม่ทราบ โดยประชาชน ร้อยละ 77.2 ระบุ มีความกังวลค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ว่ารายรับจะไม่เพียงพอกับรายจ่าย
หากราคาสินค้าและค่าครองชีพขยับตัวสูงขึ้น, มีเพียงร้อยละ 22.8 ระบุ มีความกังวลค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ทั้งนี้ ประชาชน ร้อยละ 72.5 ระบุถึงวิธีรับมือกับค่าครองชีพที่มีทิศทางปรับตัวสูงขึ้นจากการเลิกตรึงราคาน้ำมันดีเซล ว่าใช้จ่ายอย่างประหยัด ใช้จ่ายแต่สิ่งจำเป็น, ร้อยละ 11.6 หารายได้เสริมจากงานประจำและร้อยละ 10.5 ใช้วิธีวางแผนค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน
อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 43.4 อยากให้รัฐควบคุมราคาสินค้าที่จำเป็น ,ร้อยละ 17.4 อยากให้ปรับค่าแรงขั้นต่ำให้สูงขึ้นเพื่อสอดรับกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น และ ร้อยละ 12.7 อยากให้นำโครงการต่างๆ กลับมาใช้ใหม่เพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน เช่น คนละครึ่ง และอยากสนับสนุนภาคเอกชนให้มีการจ้างงานเพิ่มเพื่อลดปัญหาการว่างงาน
นอกจากนี้ ร้อยละ 54.8 คิดว่ารัฐบาลควรหาทางออกเรื่องการบริหารจัดการน้ำมันภายในประเทศ ด้วยการใช้งบประมาณมาอุดหนุน หรือลดภาษีสรรพสามิต เพื่อตรึงราคาน้ำมันต่อไป, ร้อยละ 17.2 ค่อยๆ ทยอยปรับขึ้นราคาน้ำมันเพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัว และ ร้อยละ 9.4 ปล่อยราคาน้ำมันไปตามกลไกของตลาดโลก ประชาชนจะได้รู้ราคาที่แท้จริง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews