ประธาน หอการค้า ชี้ รัฐบาลปรับเพดานดีเซล 35 บาท กระทบเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง สินค้าขึ้นราคา ปชช.อาจชะลอบริโภค
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากปัญหาราคาพลังงานที่ผ่านมาจากสถานการณ์ รัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันอยู่ที่ 100 – 120 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และหากสถานการณ์มีความยืดเยื้อยังไม่สิ้นสุดอาจจะไปถึง 130 -140 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลได้
โดยหอการค้าไทย มองว่า กรณีการทยอยปรับราคาน้ำมันดีเซลเป็น 32 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมและเพดานไม่เกิน 35 บาท นั้น มีโอกาสที่น้ำมันดีเซลจะขยับถึงเพดาน 35 บาทต่อลิตรภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยการที่น้ำมันดีเซลแพงขึ้นทุก 1 บาทต่อลิตร ยาวไป 1 ปี เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงร้อยละ 0.2 ซึ่งหากปรับขึ้น 5 บาทต่อลิตร จะกระทบเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง จะย่อตัวลงร้อยละ 0.5 แน่นอนว่า ราคาสินค้าหลายรายการจะมีการปรับราคาขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เนื่องจากผู้ประกอบการมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น อาจจะส่งผลทำให้ประชาชนชะลอการบริโภค และกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย
โดยจากการวิเคราะห์ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย การปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเป็นขั้นบันได โดยเริ่มที่ลิตรละ 32 บาท จะทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้นเดือนละ 3,000 ล้านบาท และหากราคาแตะ 35 บาทต่อลิตร ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นถึงเดือนละ 7,500 ล้านบาท ทำในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน จะมีเม็ดเงินค่าใช้จ่ายที่สูญเสียไปกับค่าน้ำมันดีเซลถึง 30,000 ล้านบาท
รัฐบาลจึงจำเป็นต้องมีมาตรการออกมาชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และมองว่าโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 สามารถตอบโจทย์ ในการเพิ่มเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ง่าย และเร็วที่สุด ให้วงเงิน 1,000-1,500 บาท จะทำให้มีเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจถึง 45,000 ล้านบาท เพียงพอกับเม็ดเงินที่สูญเสียไปกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews