ผู้ประกอบการเดินรถโดยสาร บขส.โคราช ตัดสินใจขายรถบัสทิ้ง ปิดกิจการถาวร หลังประสบกับปัญหาลูกค้าน้อย
จากกรณีที่นางสุจินดา เชิดชัย หรือเจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถร่วมโดยสาร บขส.และเจ้าของอู่เชิดชัย และบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจประกาศขายกิจการของบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ ที่ดำเนินการการมานานกว่า 65 ปี
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้มีผู้โดยสารลดน้อยลง ประกอบกับปัญหาต่างๆ อาทิ การเกิดขึ้นของสายการบินโลว์คอส และน้ำมันดีเซลที่แพงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพ เนื่องจากเจ๊เกียวมีอายุมากแล้วถึง 85 ปี อีกทั้งลูกๆ ทั้ง 5 คน ก็ทำธุรกิจอื่น ไม่มีใครอยากมาสานต่อธุรกิจเดินรถ บขส.ที่มีปัญหาหลายอย่าง จึงได้ตัดสินใจประกาศขายกิจการของบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ในครั้งนี้นั้น
ล่าสุด วันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 1479 ม.1 ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบกับนายมานิต อายุ 69 ปี ซึ่งเป็นครอบครัวหนึ่ง ที่ประกอบกิจการรถโดยสาร บขส. มานานกว่า 40 ปี และได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้มีผู้โดยสารมาใช้บริการน้อยลง
ประกอบกับราคาน้ำมันดีเซลแพง ค่าครองชีพสูงขึ้นสวนทางรายได้ ทนแบกรับภาระไม่ไหว จนต้องตัดสินใจขายรถทัวร์ทิ้งทั้งหมด โดยนายมานิตฯ เล่าว่า เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว ตนเองได้เริ่มประกอบธุรกิจเดินรถโดยสาร บขส. โดยลงทุนซื้อรถบัสแบบพัดลมมา 1 คัน วิ่งระหวางนครราชสีมา-สุรินทร์
ซึ่งพี่น้องรวมทั้งตนเอง 8 คน ก็ทำธุรกิจเดินรถโดยสาร บขส.เช่นกัน ต่อมากิจการเริ่มไปได้ดี ตนเองจึงเก็บเงินสะสมซื้อรถมาเพิ่มจนในที่สุดมีรถบัสถึง 5 คัน จึงได้จ้างลูกน้องช่วยขับ ต่อมาก็ได้มีการปรับปรุงรถให้เป็นรถแอร์ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ช่วงแรกก็รายได้ดี มีเงินเดือนจ้างลูกน้องถึง 15 คน
กระทั่งมาช่วงปี 62 เริ่มมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้โดยสารตื่นตัวมาใช้บริการรถโดยสาร บขส.น้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 63 ลูกน้องเริ่มนำเงินมาส่งน้อยลงจนขาดทุนทุกวัน ตนเองจึงตัดสินใจนำรถบัสจอดทิ้งไว้ที่ลานจอดรถปั๊มน้ำมันใกล้บ้านทีละคันๆ จนในที่สุดก็ต้องจอดทั้ง 5 คัน เพราะวิ่งไปก็มีแต่ขาดทุน
เนื่องจากการวิ่งรถต้องมีภาระค่าใช้จ่ายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงลูกน้อง ค่าซ่อมบำรุง และที่หนักสุดคือค่าน้ำมันดีเซลที่แพงขึ้นต่อเนื่อง
ตอนแรกก็คาดว่าจะจอดไว้จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แล้วค่อยกลับมาวิ่งรถใหม่ แต่ด้วยความที่ต้องจ่ายค่าสัมปทานสายวิ่งตลอดทุกเดือน และสถานการณ์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย ในช่วงต้นปี 64 ตนเองจึงตัดสินใจขายรถบัสทั้ง 5 คันทิ้งไป
และเลิกกิจการเดินรถอย่างถาวร โดยเงินที่ได้จากการขายรถก็ได้นำไปใช้หนี้สินต่างๆ จนหมด เหลือเพียงเล็กน้อย ได้ให้ภรรยานำไปต่อยอดทำธุรกิจขายขนมเข่ง แต่ก็ต้องมาประสบกับปัญหาราคาวัตถุดิบแพงอีก ไม่ว่าจะเป็น ราคาน้ำมันพืช แป้ง ค่าไฟฟ้า แก๊งหุงต้ม เป็นต้น พากันขึ้นราคาพร้อมกันหมด
ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอะไรจะแพงขึ้นอีก ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากไม่เพียงแต่ตนเองที่ต้องตัดสินใจขายรถโดยสาร ที่เป็นธุรกิจหลักของครอบครัว แต่ญาติๆ และเพื่อนๆ ที่ทำธุรกิจเดียวกันก็มีหลายเจ้าทยอยปิดกิจการขายรถโดยสารทิ้งไปต่อเนื่อง เพราะเขาอยู่ไม่ได้ เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลแพงขึ้น สวนทางกับรายได้ที่น้อยลง จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการรถโดยสาร บขส.ด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews