Home
|
ข่าว

“ชัชชาติ” สำรวจบางกอกใหญ่ พร้อมรับนักโทษลอกท่อ เผยเลือกรองผู้ว่าฯ เอง

Featured Image
“ชัชชาติ” สำรวจพื้นที่สีเขียวสวนบางกอกใหญ่ ยืนยันทำเต็มที่เพิ่มพื้นที่สีเขียวทุกเขต พร้อมรับนักโทษทำงานลอกท่อในกทม. แต่ขอคุยกับรมต.ก่อน ส่วนทีมรองผู้ว่าฯ และที่ปรึกษาจะเลือกเอง ไม่มีใครมากดดัน

 

 

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่สวนบางกอกใหญ่ เขตบางกอกใหญ่ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะแห่งเดียวในเขตนี้ นายชัชชาติ ภายหลังสำรวจพื้นที่ว่าสวนนี้ทางกรุงเทพมหานครเช่าพื้นที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์มีขนาดทั้งสิ้น 2.5 ไร่ สวนนี้นับว่าตรงกับแนวนโยบายของตน

 

ที่มองว่าสวนที่ดีคือสวนที่ต้องอยู่ใกล้บ้านคนตามแนวคิดกรุงเทพ 15 นาที ส่วนตัวอยากให้มีพื้นที่แบบนี้กระจายทั่วกรุงเทพฯ ไม่ต้องใช้พื้นที่มาก แต่เป็นพื้นที่ที่มีคุณค่า ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่ายังมีหลายส่วน ในสวนทรุดโทรมต้องได้รับการปรับปรุงและขยายพื้นที่ เพราะพื้นที่โดยรอบสวน

 

เป็นพื้นที่ว่างเปล่าไม่ได้ใช้ประโยชน์ทั้งของราชการและเอกชน ในอนาคตจะต้องมีการพูดคุย หรือต้องใช้มาตรการทางภาษีเข้ามาจัดการ อาจจะเป็นวิธีการขึ้นภาษีที่ดินกับเอกชนที่ใช้พื้นที่ไม่คุ้มค่า หรือ อาจจะยอมให้ กทม. เช่าทำเป็นพื้นที่สีเขียว ลานกีฬา และเปิดโอกาสให้ชุมชนในพื้นที่มาดูแล

 

อย่างไรก็ตามนายชัชชาติ ยอมรับว่า นโยบายกรุงเทพ 15 นาทีอาจทำไม่ได้ครบทุก 50 เขตภายใน 4 ปี เพราะแต่ละส่วนต้องใช้เวลาประสานความร่วมมือกับทุกฝ่าย แต่หากสามารถเพิ่มพื้นที่สีเขียวในลานกีฬาก็อาจจะครบตามแผน โดย ยืนยันว่า ต้องทำเต็มที่ในทุกเขต ต้องทำให้มีพื้นที่สีเขียวและต้องส่งเสริมให้ชุมชนต้องช่วยกันดูแลหากเป็นพื้นที่สีเขียวแต่รกร้างก็ไม่มีประโยชน์

 

ส่วนภารกิจช่วงบ่ายที่จะลงพื้นที่เขตดอนเมือง ภายในหมู่บ้านปิ่นเงิน ซอยช่างอากาศอุทิศ ที่ก่อนหน้านี้พบว่ามีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากหนัก วันนี้จะกลับไปอีกครั้งพร้อมสมาชิกสภากรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทยและช่วงเย็นจะไปไหว้พระที่ เขตสายไหม ร่วม กับน.ต. ศิธา ทิวารี อดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ ส.ก.ของพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งเป็นการพบกันครั้งแรกหลังจบจากการหาเสียงที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้นายชัชชาติ ระบุว่า สิ่งนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีเพราะพบ 3 พรรคในวันเดียว สำหรับการลงพื้นที่เขตสายไหม เป็นการดูปัญหาเรื่องการจัดการขยะเนื่องจากประชากรเพิ่มขึ้นแต่อุปกรณ์จัดเก็บยังเท่าเดิมจัดเก็บสัปดาห์ละครั้งเท่านั้น จึงต้องเพิ่มให้สมดุลกับจำนวนประชากร

 

กล่าวถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งให้กรมราชทัณฑ์ทำหนังสือถึงผู้ว่ากทม. คนใหม่ขอนำนักโทษช่วยขุดลอกท่อช่วงหน้าฝน

 

เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ต้องขังได้มีงานทำ ว่า ถือเป็นสิ่งที่ดีมากๆเพราะก่อนหน้านี้ก็ใช้นักโทษ แต่เมื่อมีกฎการจัดซื้อจัดจ้างมาทำให้ไม่สามารถใช้นักโทษได้ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนกลับมาใช้ได้แต่ติดสถานการณ์โควิด 2 ปี

 

 

 

กรมราชทัณฑ์จึงไม่อยากให้นักโทษออกมาเพราะกลัวนำเชื้อกลับเข้าไป รวมถึง กทม.ก็มีความกังวล แต่มองว่าที่ผ่านมาผู้ต้องขัง สามารถลอกท่อได้ดีมาก ทำงานสะอาด เพราะไปที่ไหนพ่อค้าแม่ค้าก็นำอาหารมาเลี้ยงนักโทษ

 

แต่หากให้เอกชนทำเท่าที่ฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนคือ มีจะแค่เปิดฝาท่อถ่ายรูปและหลายครั้งก็ทำฝาท่อแตก ไม่สะอาดด้วย

 

ทั้งนี้นายชัชชาติ ขอบคุณรัฐมนตรีสมศักดิ์ ซึ่งเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการให้ความร่วมมือกัน และหากรับตำแหน่งแล้วจะไปพบ เพื่อหารือเรื่องนี้อีกครั้ง โดยมองว่าการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานเป็นสิ่งที่ดีมาก

 

เป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ถูกคุมขังและอีกหนึ่งสิ่งที่มองว่าสำคัญและควรจะทำ คือ เวลาลอกท่อจะต้องนำพ่อค้า แม่ค้า เจ้าของร้าน มายืนดูด้วย เพราะหลายครั้งจะเห็นว่าภายในท่อมีไขมันหนา จึงควรมาร่วมรับผิดชอบร่วมกัน

 

และชุมชนก็ควรจะต้องมาช่วยกันร่วมรับผิดชอบท่อระบายน้ำในพื้นที่ เพราะหากชุมชนไหนพบว่ามีไขมันก็ควรจะต้องมีการปรับปรุง

 

ซึ่งถือเป็นการร่วมทำงานทั้งสองฝ่าย และยืนยันว่า หากรับตำแหน่งและผ่านการหารือแล้วสามารถทำได้ทันที เพราะการจ้างหน่วยงานราชการมีความโปร่งใส มีอัตรากำหนดที่ชัดเจนไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร

 

ทั้งนี้นายชัชชาติ ยังมองด้วยว่า ความเห็นของรัฐมนตรีสมศักดิ์ เป็นการให้ความเห็นเชิงสร้างสรรค์ที่ดีมาก และคนกรุงเทพก็น่าจะขอบคุณรัฐมนตรีสมศักดิ์ด้วย รวมถึงการลอกท่อจะอยู่ในแผนการดำเนินการ ปีละ 3000 กิโลเมตร ซึ่งมีท่อทั้งหมด 6,000 กิโลเมตร ดังนั้นคาดว่าจะลอกท่อประมาณ 2 ปี 1 ครั้ง และหากเริ่มทำแล้วก็จะทำต่อเนื่องทั้งปี

 

 

จะเปิดตัวทีมรองผู้ว่าฯ และที่ปรึกษา หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. รับรองผลการเลือกตั้ง ซึ่งค่อนข้างมั่นใจในตัวทีมงาน โดยรองผู้ว่าฯ ไม่ใช่คนที่เป็นเซเลป แต่ต้องซื่อสัตย์ โปร่งใส หัวต้องนิ่ม คัดประวัติมาดี และไม่มีปัญหา

 

 

โดยนายชัชชาติ ชี้แจงองค์ประกอบของทีมเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ที่ปรึกษายุทธศาสตร์ ที่ปรึกษาการเมือง และรองผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งที่ปรึกษายุทธศาสตร์ รับผิดชอบการผลักดัน 214 นโยบายคอยควบคุมทิศทางการดำเนินงานตามเป้าหมาย

 

และจัดสรรงบประมาณสนับสนุนนโยบาย ด้านที่ปรึกษาการเมือง รับผิดชอบงานด้านการเมือง กลุ่มนี้มาทำงานด้วยใจ และรองผู้ว่าฯ กทม.จะเป็นฝ่ายปฏิบัติการที่รับผิดชอบลงลึกในแต่ละด้าน

 

ส่วนการสรรหารองผู้ว่าฯ กทม. มีการกดดันจากพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายชัชชาติ ระบุว่า ไม่มี เพราะไม่ใช้ระบบโควต้า เลือกคนอย่างเป็นอิสระ ไม่มีพรรคการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องที่เกี่ยวข้องคือ ส.ก. ในแต่ละพื้นที่ ที่ช่วยนำเสนอปัญหารายเขต

 

สำหรับกระแสข่าวนางสาวเกศรา ธัญลักษณ์ภาคย์ หรือ ดร.ยุ้ย ปฏิเสธการรับตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. นั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า ทุกคนที่มาร่วมงานตั้งแต่ต้นไม่ได้หวังตำแหน่ง ดร.ยุ้ย เก่งเรื่องยุทธศาสตร์ตำแหน่งที่เหมาะสมอาจไม่ใช่รองผู้ว่าฯ

 

แต่เป็นที่ปรึกษาที่จะผลักดันทุกนโยบายที่เราทำ ส่วนนายจักกพันธุ์ ผิวงาม อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. สมัย พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง นั้นนายชัชชาติ ระบุว่าทุกท่านยืนยันว่านายจักกพันธ์ เป็นคนดีมาก

 

ตีสี่คุยกับท่านได้ทุกเช้า ท่านตัวคนเดียวไม่มีครอบครัว เรื่องโปร่งใสซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งข้าราชการทุกคนพูดเหมือนกัน จึงยืนยันว่าเป็นเพชรของ กทม.เป็นคนหนึ่งในกลุ่มที่เราพิจารณา เพราะเราต้องการคนเข้าใจงาน เราไม่มีเวลาฮันนีมูน และโชคดีเราเดินทางมา 2 ปีจึงมีโอกาสได้ถามแต่ละท่านมาร่วมงาน

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube