นับเป็นคำยอดฮิตติดอันดับ ที่มีการพูดถึงมากที่สุด จากฝ่ายค้านที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ
นับตั้งแต่หลังเลือกตั้งปี 2562 ที่ผ่านมา และมีการ ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจมาแล้ว 3 ปีต่อเนื่อง และกำลังจะยื่นอีกครั้งเพื่อทิ้งทวนก่อนครบวาระ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือทำให้ 2 คำนี้ประสบความสำเร็จให้ได้
เพื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เหมือนกับที่ ชาวกรุง ได้จุดประกายของการเปลี่ยนแปลงให้เห็นแล้วเมื่อ สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการเทคะแนนให้ “ชัชชาติ สิทธิพันธ์” คว้าเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.ชนิดถล่มทลายทุบทุกสถิติที่เคยมี รวมถึงสก.ของซีกประชาธิปไตย ก็พาเหรดชนะแบบแลนด์สไลด์ ตามสโลแกนที่เพื่อไทย พยายามประโคมอยู่นั่นเอง
ดังนั้นพรรคฝ่ายค้านจะมีทีเด็ด กับการทำหน้าที่ตรวจสอบผ่านกลไกสภามากน้อยแค่ไหน หรือจะเป็นแค่ ราคาคุยเหมือน 3 ครั้งที่ผ่านมา ที่โหมโรงก่อนทำศึกแบบครึกโครมแต่จบลงแบบเงียบฉี่ ไม่มีอะไรในกอไผ่ แถมเสียขุมกำลัง มีงูเห่าปันใจไปยกมือโหวตสนัสนุนรัฐบาลเสียทุกครั้งไป
ภารกิจเขย่ารัฐบาล
– 31 พ.ค.-2 มิ.ย. พิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณ
– 9-10 มิ.ย. พิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับ
– เมื่อไหร่จะยื่นซักฟอก
ส่วนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังคงเป็นคำถามว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ก่อนหน้านี้ “ชลน่าน ศรีแก้ว” ผู้นำฝ่ายค้าน ระบุชัด รอเวลาเหมาะสมต้องการให้กฎหมายลูก 2 ฉบับผ่านวาระ 3 ไปก่อน
แต่ล่าสุด “สุทิน คลังแสง”ประธานวิปพบสัญญาณไม่ค่อยดีจากซีกรัฐบาล และ ส.ว.จะดึงกฎหมายลูกออกไปทำให้ฝ่ายค้านจำเป็นต้องเร่งมือยื่นซักฟอกเร็วขึ้นนั่นเอง ส่วนจะยื่นตอนไหน 30 พ.ค.นี้ จะมีข้อสรุป
ซึ่งสอดรับกับความเคลื่อนไหวของพรรคเศรษฐกิจไทยและกลุ่มพรรคเล็กเป็นอย่างดี มีการออกมาเกทับว่า มี ส.ส.ในมืออยู่เท่าไหร่ และพร้อมที่จะร่วมมือล้มรัฐบาลทันทีหากมีข้อมูลที่ชัดเจน และเชื่อถือได้ ทำให้เกมการเมืองกลับมาดุเดือดอีกครั้ง เพราะก่อนหน้าที่พรรคพลังประชารัฐ จะขับ 20 ส.ส.ออกจากพรรค รัฐบาลมีเสียงรวม 267 ที่นั่ง ส่วนฝ่ายค้านนั้นมี 208
ซึ่งไม่ได้ส่งผลต่อเสถียรภาพแต่อย่างใด แต่เมื่อ กลุ่มพรรคเล็ก ที่มี “พิเชษฐ สถิรชวาล”เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อน ต่อรอง เจรจาไปเรื่อยเปื่อยและมามีบทสรุปล่าสุด ว่ามี ส.ส.ในกลุ่ม 16 มากกว่าชื่อกลุ่ม
แม้ต่อมาจะมีคนมาชี้แจงว่าไม่ได้อยู่ในกลุ่มด้วยก็ตาม แต่หาก กลุ่มของ “พิเชษฐ” แท็คทีมกับกลุ่มที่ถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมี “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เป็นแม่ทัพ ในสีเสื้อของเศรษฐกิจไทย ที่หลายคนพยายามเคลมว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ก็มีเกิน 35 ที่นั่งแล้ว
สามารถไปร่วมมือกับฝ่ายค้านคว่ำรัฐบาลได้ทันที ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่จะทำหรือไม่ คงต้องรอวัดใจกันสักครั้ง และในการพิจารณาพรบ.งบประมาณ สัปดาห์หน้า อาจะจะได้เห็นคำตอบว่า
โอกาสที่ฝ่ายค้านจะล้มรัฐบาล จะโค่นประยุทธ์ นั้น มีเปอร์เซ็นต์ที่จะทำได้จริงมากน้อยแค่ไหนหรือเป็นเพียงแค่ปาหี่ หลอกกองเชียร์ไปวันๆ นั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnew