วันทหารผ่านศึก ที่มาและความสำคัญ
วันทหารผ่านศึก เป็นอีกหนึ่งวันที่ทำให้เราเห็นว่า สงคราม ไม่ใช่เรื่องสนุก มีผู้คนมากมายที่ไม่ได้กลับบ้าน มีผู้คนต้องล้มตายมากมาย เป็นวันที่ได้รู้ว่ามีผู้ยอมเสียสละเพื่อปกป้องสิ่งที่สำคัญ และเพื่อให้ทุกคนเห็นความสำคัญ จึงเป็นที่มาของ วันทหารผ่านศึก (The Thai Veterans Day)
วันทหารผ่านศึกหรือชื่อภาษาอังกฤษคือ The Thai Veterrans Day ซึ่งจะตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี วันนี้เกิดขึ้นจากที่ช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2 หรือ สงครามมหาเอเชียบูรพา ได้จบลง ทหารไทยจำนวนมากที่ถูกเกณฑ์เข้าสนามรบ ก็ต้องปลดประจำการ จึงได้มีเสียงเรียกร้องให้ทางการ พิจารณาให้การช่วยเหลือแก่ทหารเหล่านั้น
เมื่อเกิดการเรียกร้องขึ้น ในปี พ.ศ. 2490 กระทรวงกลาโหม เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงแก่เหล่าทหารผ่านศึก ได้จัดตั้งหน่วยงานเพื่อช่วยเหลือเหล่าทหารที่กลับมาจากสนามรบ และช่วยเหลือครอบครัวทหารที่เสียชีวิต หลังจากนั้นกระทรวงกลาโหมได้เสนอพระราชบัญญัติจัดตั้ง องค์การทหารสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ขึ้น โดยได้รับความเห็นชอบจากทางรัฐบาล ได้มีการประกาศไว้ในราชกิจการนุเบกษา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 จึงได้ยึดเอาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็น วันทหารผ่านศึก
หลังจากนั้นเป็นต้นมา องค์การทหารผ่านศึก ก็มีหน้าที่และภารกิจหลักดังนี้
- การสงเคราะห์ทางด้านสวัสดิการ เป็นการให้การสงเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องทั่วๆ ไป ที่อยู่อาศัย การศึกษา ตลอดจนให้ความช่วยเหลือด้านอวัยวะเทียม
- การสงเคราะห์ทางด้านอาชีพ โดยการฝึกอบรมและการฝึกอาชีพ ให้ความช่วยเหลือในทางด้านการทำงาน จัดหางานให้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- การสงเคราะห์ด้านนิคมเกษตรกรรม จัดสรรที่ทำกินในด้านเกษตรกรรมให้ และให้ความช่วยเหลือทางด้านเครื่องมือและวิชาการ
- การสงเคาระห์ด้านกองทุน โดยการจัดหาเงินทุนให้สมาชิกขององค์การทหารผ่านศึกได้กู้ยืมไปประกอบอาชีพ
- การสงเคราะห์ด้านการรักษาพยาบาลให้แก่สมาชิก โดยไม่คิดมูลค่า
- ให้มีการส่งเสริมสิทธิของทหารผ่านศึก โดยการขอสิทธิพิเศษในด้านต่างๆ ให้แก่ทหารผ่านศึก เช่น การขอลดค่าโดยสาร เป็นต้น
สัญลักษณ์และอนุสรณ์ที่แทน ทหารผ่านศึก นั้นมีอยู่ 2 อย่างคือ 1.ดอกป๊อปปี้ สีแดง 2.อนุเสารีย์ชัยสมรภูมิ
ดอกป๊อปปี้สีแดง
ดอกป๊อปปี้สีแดงเสมือน เลือดเนื้อของเหล่าทหารกล้าที่ได้เสียสละ เลือดที่ชโลมแผ่นดินไว้ด้วยความกล้าหาญ
ส่วนสาเหตุว่าทำไมถึงต้องเป็นดอกป๊อปปี้ เพราะเกิดการดำริของ ท่านผู้หญิง จงกล กิตติขจร ประธานสโมสรสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึก ที่ต้องการดำเนินการหาทุนมาช่วยเหลือทหารและครอบครัวทหารผ่านศึก จึงได้เลือกดอกป๊อปปี้แดงมาจำหน่าย เพราะดอกป๊อปปี้แดงมีความเชื่อมโยง สมรภูมิฟลานเดอร์ส สมรภูมิเบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์ สงครามระหว่างพันธมิตรและเยอรมัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
ในช่วงนั้นสงครามรุนแรงทำให้ทหารฝั่งพันธมิตรบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จอมพลเอิร์ล ออฟ เฮก ผู้บัญชาการรบในตอนนั้น ได้เห็นหนึ่งในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ คือการที่บริเวณที่ฝั่งเหล่าทหารที่เสียชีวิตจากสนามรบนั้น มีดอกป๊อปปี้ป่าขึ้นอยู่ทั่ว ทำให้ลานฝั่งศพบริเวณนั้น กลายเป็นทุ่งสีแดงที่สวยงาม จากตอนนั้นเองดอกป๊อปปี้เลยกลายมาเป็นดอกไม้แห่งอนุสรณ์แห่งวีรกรรมของทหารผ่านศึก เป็นดอกไม้ที่ชวนให้คิดถึงการเสียสละของทหารกล้า เป็นดอกไม้ของเหล่าทหารผ่านศึกทั่วโลก
อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นั้นมีความเกี่ยวข้องกับ วันทหารผ่านศึก เพราะสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่วางพวงมาลาของบุคคลสำคัญระดับประเทศ เพื่อคารวะดวงวิญญาณของทหารและวีรชนคนกล้าทุกคน ที่มีชื่อจารึกอยู่บนอนุสาวรีย์ โดยคนที่มีชื่อจารึกนั้น เป็นผู้ที่เสียชีวิตจาก สงครามข้อพิพาทแย่งดินแดนนระหว่างประเทศไทยและฝรั่งเศส สงครามเกาหลีและทหารที่เสียชีวิตใน สงครามมหาเอเชียบูรพา หรือ สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้กล่าวไปในตอนแรก หากใครไม่รู้ว่าตัวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมินั้นมีคำขวัญประจำตัวอนุสาวรีย์ด้วย ซึ่งชวนคิดถึงสงครามและการเสียสละของเหล่าทหารได้เป็นอย่างดี โดยคำขวัญคือ “ใครจะจารึกชื่อในอนุสาวรีย์ก่อนกัน”
หากวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ได้ออกเดินไปที่ไหน แล้วเห็นดอกป๊อปปี้สีแดงสะดุดตา หรือมีเหล่าผู้สูงวัยในชุดทหารรวมตัวกันอยู่ ก็อย่าลืมทักทาย ให้กำลังใจกับผู้เสียสละ เหล่าทหารผ่านศึกที่กล้าหาญทุกท่าน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news