Home
|
ข่าว

“พริษฐ์” เผย 3 ก้าวแก้ รธน. ชี้ รัฐขาลงขอประชาชนเชื่อมั่น

Featured Image

“พริษฐ์” เผย 3 ก้าวแก้ รธน. ทวงสัญญา”ประยุทธ์” ชี้ รัฐบาลขาลง บอกพร้อมเลือกตั้ง ขอประชาชนเชื่อมั่นก้าวไกล

 

 

 

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการจัดกิจกรรม “Hackathon รัฐธรรมนูญฉบับก้าวไกล” ว่า กิจกรรมวันนี้เป็นการระดมความคิด และตนอยากพยายามฉายภาพให้เห็นถึงทางออกในการมีรัฐธรรมนูญ

 

ที่เป็นประชาธิปไตย เป้าหมายปลายทางร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการร่างอย่างแท้จริงเป็นอย่างไร แต่กว่าจะไปถึงตรงนั้นได้ตอนยอมรับว่าต้องใช้เวลา เพราะหากเดินตามทางรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ต้องเข้าคูหาทั้งหมด 3 รอบ รอบแรก

 

คือ โหวตเห็นชอบให้มี สภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. รอบสอง คือ เข้าไปกาว่าอยากให้ใครเป็นตัวแทนของประชาชนในส.ส.ร.นั้น รอบที่สาม คือ รับรอง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ฉะนั้นหนทางที่ตนอยากเสนอ คือ 3 ก้าว การนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้

 

ก้าวแรก ปิดสวิตช์ สมาชิกวุฒิสภา หรือ ยกเลิกมาตรา 272 ในบทเฉพาะกาลที่ให้อำนาจส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะการที่ส.ว. 250 คน มาร่วมเลือก นายกฯกับส.ส. 500 คน ได้ ทำให้ส.ว.มีค่าเสียงเทียบเท่ากับประชาชน 7.6 หมื่นคน ส.ว. 250 เสียง

 

ร่วมกันมีค่าเสียงเท่ากับประชาชนประมาณ 69 ล้านคน นี้เป็นสิ่งที่ขัดกับหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียง ที่เป็นหลักพื้นฐานของประชาธิปไตยอย่างยิ่ง ก้าวแรกของการปิดสวิตช์ ส.ว.นั้น มีร่างของของภาคประชาชนที่ให้ยกเลิกมาตรา 272 และคาดว่า จะเข้าสภาใน 1-2 เดือนข้างหน้านี้

 

โดยเราพยายามสองรอบแล้วแต่ถูกส.ว.ปัดตก แต่เราก็หวังว่าเสียงของประชาชน จะทำให้รัฐสภารับการยกเลิกมาตรา 272 คืนหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงให้กับประชาชน และทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้เป็นการเลือกตั้งที่สมบูรณ์แบบ คือ ไม่มี ส.ว. 250 คน มาขัดเจตนารมณ์ของประชาชน

 

นายพริษฐ์ ระบุว่า เมื่อปิดสวิตช์ส.ว.ไปแล้ว ก็ยังมีอีกหลายมาตราที่จะต้องแก้ไข เช่น อำนาจของ ส.ว. ที่มาของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระที่ยังไม่เป็นกลาง ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพมากยิ่งขึ้น และหลักในการกระจายอำนาจ จึงยังมีอีกหลายมาตราที่เร่งด่วนต้องแก้ไข ที่ถึงแม้เรายังไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่มาตราใดที่มีปัญหาก็ควรจะแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะบางประเด็นก็ไม่จำเป็นต้องใช้ประชามติ

 

ส่วนรายมาตราที่พรรคก้าวไกลต้องการที่จะแก้ไขมีเรื่องใดบ้างนั้น นายพริษฐ์ ระบุว่า ตอนนี้อยู่ในกระบวนการที่จะตกผลึกว่ามีประเด็นอะไรบ้าง และกิจกรรมในวันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ตน คิดว่าหากพรรคเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้าเรื่องการแก้ไขรายมาตราแบ่งเป็น 3 หมวดหมู่ คือ ตัดกระบวนการสืบทอดอำนาจ ทั้งในรัฐสภาและองค์กรอิสระ, เพิ่มการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ที่รัฐธรรมนูญ 60 ตัดสิทธิ์เสรีภาพบางประการออกไป อย่าง มาตรา 25

 

ที่ระบุว่ารัฐมี อำนาจจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนหากกระทบกับความมั่นคงหรือว่าความสงบสุขเรียบร้อยซึ่งเป็นคำที่สามารถถูกตีความได้กว้างมาก และนี่ก็ไม่ได้อยู่ในรัฐธรรมนูญ 40 แต่ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อขยายอำนาจรัฐในการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน และการกระจายอำนาจ เราอยากให้ทุกจังหวัดได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่เศรษฐกิจทุกพื้นที่ได้รับการปลดล็อก

 

เราจำเป็นจะต้องกระจายอำนาจให้กับท้องถิ่นมากขึ้น ทำอย่างไรให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการรับผิดชอบ และผู้บริหารสูงสุดต้องมาจากการเลือกตั้งไม่ใช่ผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากการแต่งตั้งของกระทรวงมหาดไทยหรือราชการส่วนกลาง

 

ทั้งนี้ นายพริษฐ์ ยังคิดว่าการเปลี่ยนรัฐบาล เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งไม่ใช่แค่ในมิติของรัฐธรรมนูญ ทั้งเรื่องการแก้ไขเศรษฐกิจการฟื้นฟูประเทศหลังโควิด-19 ด้วย แต่เรื่องรัฐธรรมนูญมีความเชื่อมั่นว่าหากเปลี่ยนรัฐบาลได้ความรวดเร็วและหนทางในการแก้รัฐธรรมนูญจะสดใสขึ้นอย่างแน่นอน และที่ผ่านมาแม้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยประกาศในสภาภายหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 62 ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งใน 12 นโยบายเร่งด่วน แต่ผ่านมา 3 ปี ผ่านมา 21 ร่างเสนอเข้าสภา

 

ก็เห็นว่าความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็น้อยนิด ผ่านแค่ร่างเดียวคือเรื่องระบบเลือกตั้ง ยังไม่ได้แตะหัวใจของรัฐธรรมนูญปี 60 ปัญหาเรื่องของการสืบทอดอำนาจ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ รับฟังอยู่ ก็ไม่ต้องรอเลือกตั้งก็ได้ หากมีเจตจำนงเพียงพอตามที่ประกาศไว้ในสภาว่าการแก้รัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วน ก็อยากจะเห็นถึงความกระตือรือร้นและท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ ที่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่พยามจะลอยตัวเหนือปัญหาและบอกว่าเป็นเรื่องของรัฐสภา

 

นายพริษฐ์ กล่าวถึงสถานการณ์ของรัฐบาลตอนนี้ที่จะเข้าสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ มองเรื่องนี้อย่างไร ว่า เห็นถึงความอ่อนแอของรัฐบาลในหลายมิติ ตนคิดว่าผลเลือกตั้งสนามกรุงเทพแม้จะเป็นแค่หนึ่งจังหวัดในประเทศแต่ก็แสดงให้เห็นถึงความต้องการของประชาชนในการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นเวลานี้ปัญหาภายในของรัฐบาลเองและความนิยมของประชาชน รัฐบาลก็อยู่ในจุดขาลง แต่ในมุมของพรรคก้าวไกลก็ทำงานเต็มที่ เรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อแสดงภาพให้เห็นถึงข้อบกพร่องของรัฐบาลนี้ว่ามีเรื่องใดบ้าง

 

และอีกสิ่งที่เราทำคือไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งเร็วหรือช้าเราต้องมีนโยบายที่พร้อมนำเสนอประชาชนว่าถ้าเป็นรัฐบาลแล้วเราจะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างไร ตนในฐานะคนที่ไม่ได้อยู่ในสภาหน้าที่ของตนคือการเตรียมความพร้อมในตรงนี้ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากาพรรคก้าวไกลไปแล้ว ประเทศนี้จะดีขึ้นคุณภาพชีวิตจะดีขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆ แบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube