Home
|
อาชญากรรม

ถอดบทเรียน เพลิงไหม้ชุมชนบ่อนไก่-สำเพ็ง

Featured Image
ถอดบทเรียนเพลิงไหม้ชุมชนบ่อนไก่สำเพ็งและแนวทางในการทำแผนการรับมือเพลิงไหม้ในอนาคต

 

 

 

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากทม. กล่าวถึงการถอดบทเรียนเหตุไฟไหม้ชุมชนบ่อนไก่ และสำเพ็ง ว่า สาเหตุของเพลิงไหม้ที่บ่อนไก่ ต้นเพลิงมาจากไฟฟ้าช็อต และลุกลามไปยังอีกจุดหนึ่งอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ปัญหาคือ บ้านเรือนอยู่ติดกัน และเป็นโครงสร้างไม้ติดไฟง่าย และน้ำประปามีแรงดันน้อย

 

บทเรียนจากเหตุการณ์นี้ คือ 1.ประชาชนในชุมชน ซึ่งไม่ได้แจ้งเหตุไปยังสถานีดับเพลิงโดยตรง แต่ไปแจ้งที่อาสาสมัครชุมชน ทำให้เสียเวลาไปประมาณ 5 นาที ก่อนที่ดับเพลิงจะได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ โดยไม่ได้นำถังแดงไปดับเพลิง2.สายไฟฟ้าในชุมชนชำรุด ทำให้เกิดไฟช็อต อีกทั้ง ชาวบ้านเกิดความสับสน ไม่รู้จะอพยพไปที่ไหน จริงๆ

 

แล้วชุมชนมีหัวดับเพลิงแดงเพียงพอ มีหลายจุด และ 3.ปัญหาด้านผู้ปฏิบัติงาน ยังต้องมีการปรับปรุง เนื่องจากไม่มีผู้บัญชาการเหตุการณ์ ผู้ที่ลงพื้นที่ในชุมชนไม่มีความคุ้นเคยในชุมชน ดังนั้น ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย(สปภ.) ผู้อำนวยการเขต และอาสาสมัครต้องซักซัอมการปฏิบัติงานให้ดีขึ้น

ตอนนี้ได้มีการทำบัญชีผู้เสียหาย การจัดบริการเบื้องต้น ได้แก่ ห้องสุขา ติดตั้งปั๊มน้ำให้น้ำพอใช้ เตียงกระดาษ ตั้งคลังอุปกรณ์ฉุกเฉิน

 

ด้าน ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กล่าวว่า ได้มีการให้สำรวจข้อมูลทั้งหมด ในส่วนของพื้นที่หนาแน่น มีการระบุจุดเสี่ยง และสรุปผลเหตุเพลิงไหม้แต่ละจุดเกิดซ้ำที่จุดไหนบ้าง ทั้งนี้ ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุไฟฟ้าลัดวงจร-เพลิงไหม้ ทุกวัน เพราะฉะนั้นเราทราบอยู่แล้วว่า มันเกิดซ้ำที่ไหนบ้าง รวมทั้งการทำแผนเผชิญเหตุ

 

นายชัชชาติ กล่าวถึง ส่วนกรณีที่สำเพ็ง สาเหตุต้นเพลิง คือ 1.หม้อแปลงที่มีควัน 2.สายสื่อสารติดไฟ และ 3.ตัวอาคารมีเชื้อเพลิง เช่น พลาสติกเยอะ เลยทำไฟลุกลามเร็วขึ้น เบื้องต้นได้ประสาน การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) สำรวจหม้อแปลงทั้งหมด 400 กว่าลูกเฉพาะจุดเสี่ยงในกรุงชั้นใน และประชาชนหากมีข้อกังวลให้แจ้งเข้ามาที่มากทม. หรือทราฟฟี่ ฟองดูว์ เราจะได้ดำเนินการตรวจสอบให้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน ส่วนการจัดระเบียบสายสื่อสารจะหารือกับ กสทช. เพื่อหารือเรื่องนี้ให้เร็วขึ้น

 

และต่อจากนี้ จะให้มีการอบรม จัดระเบียบให้ทุกทีมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และต้องเรียนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีหลายหน่วยงานที่เข้ามาช่วย จึงให้ทางผอ.สปภ. ทำแผนระยะสั้น กลาง และระยะยาว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

ทั้งนี้ จะมีการพิจารณาค่าตอบแทน เบี้ยเลี้ยง ค่าเสี่ยงภัยแก่อาสาสมัคร จัดสรรอุปกรณ์ที่เหมาะสมในงานด้านบรรเทาสาธารณะภัย รวมถึงทบทวนการเพิ่มเบี้ยเสี่ยงภัย ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเสนอให้เพิ่มจาก 5,000 บาท เป็น 7,000 บาท เมื่อถามถึงความเหมาะสมหรือความปลอดภัยของเด็กที่มาเป็นอาสาสมัคร นายชัชชาติ กล่าวว่า ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมของเด็ก โดยเอาตัวอย่างการทำงานบรรเทาสาธารณะภัยของประเทศเกาหลี มาเป็นต้นแบบในการทำงานของเราด้วย

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube