Home
|
ข่าว

นายกฯย้ำเข้มโควิดปลื้มไทยจัดแบดโลก-พรุ่งนี้ลงนครศรีฯ

Featured Image

นายกฯยินดีไทยเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันแบดมินตัน HSBC BWF World Tour in Bangkok ภูมิภาคเอเชีย  นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันแบดมินตัน HSBC BWF World Tour in Bangkok ในภูมิภาคเอเชีย ช่วงเดือน ม.ค.64 ซึ่งสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้รับสิทธิ์ในการจัดการแข่งขัน ทั้งหมด 3 รายการ ประกอบด้วย YONEX Thailand Open (Super 1000) ระหว่างวันที่ 12-17 ม.ค.64 เงินรางวัลมูลค่ารวม 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ , TOYOTA Thailand Open (Super 1000) ระหว่างวันที่ 19-24 ม.ค.64 เงินรางวัลมูลค่ารวม 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ HSBC World Tour Finals ระหว่างวันที่ 27-31 ม.ค.64 เงินรางวัลมูลค่ารวม 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรัฐบาลขอบคุณสหพันธ์แบดมินตันโลก (Badminton World Federation : BWF) ที่เชื่อมั่นและมีมติมอบสิทธิ์ให้ไทยจัดการแข่งขันดังกล่าว โดยไทยมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามมาตรการหลักในการควบคุมโรค และป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทย นักกีฬาและผู้ฝึกสอนที่เข้าร่วมในครั้งนี้ ทั้งนี้นายอนุชา ย้ำว่า การจัดการแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เพราะมีการจัดการแข่งขันในรายการสำคัญระดับโลก ถึง 3 รายการต่อเนื่องกันที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพทั้งหมด ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดที่เคร่งครัด เข้มงวด ซึ่งนักกีฬาแบดมินตันที่เดินทางมายังประเทศไทยประกอบด้วย นักกีฬามือวางอันดับ 1-40 ของโลก ผู้ช่วย เจ้าหน้าที่และโค้ชทุกคนจะต้องผ่านการกักตัวครบ 14 วัน ตามมาตรการควบคุมของประเทศไทยที่เรียกว่า Bubble Protocols โดยจะเตรียมร่างกาย และฝึกซ้อมระหว่างกักตัว และเริ่มการแข่งขันหลังกักตัว 7 วัน ซึ่งจะใช้ชีวิตในพื้นที่ที่กำหนดเป็นเวลา 14 วัน ตามมาตรการของไทย การปฏิบัตินี้รวมถึงเจ้าหน้าที่โรงแรมและเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันของไทยด้วยที่จะต้องกักตัวอยู่ใน Bubble Protocols ตลอด 14 วัน ทั้งนี้นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่าจะดูแลทุกคนทั้งนักกีฬา และประชาชนไทยเพื่อความปลอดภัยของทุกคน ประเทศไทยมั่นใจว่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติในยุควิถีชีวิตใหม่ หรือ New Normal โดยเชื่อมั่นว่าการจัดการแข่งขันครั้งนี้จะส่งผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศเหมือนกับที่ไทยประสบความสำเร็จในการดำเนินนโยบายเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จนได้รับการยอมรับจากทั่วโลก นายกรัฐมนตรี เตรียมลงพื้นที่น้ำท่วม ให้กำลังใจผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2563 นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ จะเดินทางไปศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง ตำบลแม่เจ้าอยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อตรวจสถานการณ์น้ำ และเยี่ยมเยียนและมอบเครื่องอุปโภค บริโภค ให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัย รวมทั้งสร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ด้วย โดยได้รับทราบรายงานในเบื้องต้นว่าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ล่าสุดขณะนี้ (6 ธ.ค.63) ในหลายจังหวัดระดับน้ำเริ่มลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากฝนจะลดลงต่อเนื่องไป 1 สัปดาห์ และจากอิทธิพลน้ำทะเลหนุนที่ไม่กระทบต่อการระบายน้ำเช่นกัน ซึ่งได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระดมเครื่องจักร เครื่องมือเร่งระบายน้ำให้ลดลงโดยเร็วที่สุดก่อนจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงวันที่ 12-14 ธ.ค. นี้ และมอบให้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติติดตามประเมินปริมาณฝนในช่วงดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป ขณะนี้ยังคงมีสถานการณ์พื้นที่ประสบภัยคงเหลืออีก 5 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง และสงขลา รวมทั้งสิ้น 51 อำเภอ และมีประชาชนได้รับผลกระทบ 290,997 ครัวเรือน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับหน่วยงานปฏิบัติในพื้นที่ ให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อแจ้งเตือนประชาชนและปรับแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ รวมทั้งสั่งให้การช่วยเหลือประชาชนต้องเป็นไปในรูปแบบบูรณาการ โดยให้กระทรวงกลาโหม เร่งช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างสาธารณะ ถนน สะพานที่ได้รับความเสียหาย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และกระทรวงสาธารณสุข ดูแลกลุ่มเปราะบางทั้งเด็ก ผู้สูงอายุและผู้ป่วย เพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟูสภาพจิตใจ รวมทั้งกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งสำรวจจำนวนครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงทรัพย์สินและพื้นที่การเกษตรและปศุสัตว์ที่ได้รับความเสียหาย เพื่อเร่งชดเชย เยียวยา ตามระเบียบหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลังและสำนักนายกรัฐมนตรี   นายกฯเดินหน้าแก้ปัญหาน้ำท่วมภาคใต้อย่างเป็นระบบ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ และติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้อย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ผ่านมาได้มอบหมายให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกระจายกันลงพื้นที่ ทั้งนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ลงพื้นที่ จ. พัทลุง และ จ.นครศรีธรรมราช และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ. สงขลา ตามลำดับ โดยก่อนนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมอุตุนิยมวิทยา สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ มีการแจ้งเตือนและประสานไปยังจังหวัดและองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ด้วย และในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ นายกรัฐมนตรีจะร่วมประชุมกับหน่วยงานน้ำทั้งระบบ เพื่อพิจารณาปรับปรุงแผนและมาตรการต่างๆ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมมีประสิทธิภาพมากขึ้น ” โฆษกรัฐบาลกล่าว นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ในระยะยาวว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) จัดทำแผนงานในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน เพื่อให้มืเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำซาก ทั้งการเร่งแผนงานโครงการที่ได้เริ่มดำเนินการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เช่น โครงการระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองนครศรีธรรมราช เป็นการขุดคลองระบายน้ำใหม่และเพิ่มประสิทธิภาพคลองเดิมเป็น 750 ลบ.ม. ต่อวินาที นอกจากนั้น ยังมีแผนงานโครงการที่ดำเนินการได้ในปี 2564-2566 อีก 63 โครงการ อาทิ อ่างฯคลองสีสุก จ.สุราษฎร์ธานี แก้มลิงฉลุง จ.สงขลา ระบบระบายน้ำหลักพื้นที่ชุมชนเมืองนครศรีธรรมราช ระยะที่ 2 ระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองพัทลุง สงขลา ตรัง และ ยะลา และยังมีโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น โครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเมืองชุมพร (ขุดคลองผันน้ำลุ่มน้ำคลองชุมพร) ให้สามารถระบายน้ำได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งก่อสร้างอาคารบังคับน้ำในคลองชุมพรเดิม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2565 นอกจากนั้น ยังอยู่ในระหว่างเร่งแก้ไขปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำให้แล้วเสร็จตามแผน ซึ่งปัจจุบันดำเนินการเสร็จแล้วทั้งสิ้น 66 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินการ 30 แห่ง และตรวจสอบเพิ่มเติมอีก 19 แห่ง อีกด้วย   นายกฯ กำชับ คุมเข้มป้องกันโควิด สร้างความเชื่อมั่น ด้าน “อนุทิน” เตรียมลงพื้นที่เชียงราย 8 ธ.ค.นี้ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มมาตรการการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย หลังได้รับรายงานการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย เสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยขอให้ทุกภาคส่วนคุมเข้มในมาตรการป้องกันการลักลอบเข้าเมือง ติดติดตามตัวผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และย้ำถึงมาตรการเพื่อเฝ้าระวังคนกลุ่มเสี่ยงสัมผัส ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ในการวางแผนเดินทางท่องเที่ยว ทั้งช่วงหยุดยาวระหว่างวันที่ 10 -13 ธ.ค. เทศกาลคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่ โดยคาดหวังให้ประชาชนท่องเที่ยวด้วยความสบายใจ ปลอดภัยจากโรคระบาด น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เพื่อสร้างความมั่นใจต่อประชาชน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เตรียมลงพื้นที่ จ.เชียงราย ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ เพื่อติดตามสถานการณ์ภายหลังพบผู้ติดเชื้อในประเทศ โดยจะเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค อ.แม่สาย และ ด่านพรหมแดน อ.แม่สาย สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ แห่งที่ 2 และมีกำหนดการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของ Local Quaran Tine ณ โรงแรมแม่โขงเดลต้า ก่อนไปยังตลาดสดบ้านดู่ ซึ่งนอกจากเพื่อสร้างความมั่นใจต่อประชาชนแล้ว ยังเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักในเวลานี้ด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี เป็นกำลังใจเจ้าหน้าที่ให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ และขอบคุณในความเสียสละของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการเดินทางท่องเที่ยวปลายปี โดยรัฐบาลเชื่อมั่นในมาตรการการเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ของประเทศไทยที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถตรวจพบผู้ติดเชื้อและป้องกันการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ต้องขอความร่วมมือประชาชนว่าการ์ดอย่าตก การใช้ชีวิตประจำวันยังต้องสวมใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เช่นเดียวกับสถานประกอบการต่างๆ ต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการเอง

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube