จังหวะโควิดจะเป็นโรคประจำถิ่นอีก3วันคืนสภาพปกติของเมืองที่จะเข้ามาสู่การโฟกัสที่ประเด็น การฟื้น “วิกฤติเศรษฐกิจปากท้อง”
สถานการณ์การเมือง ยังอยู่ในช็อตที่ทุกฝ่ายจับอาการ “2ลุง” “น้องเล็ก-พี่ใหญ่” แห่ง 3 ป. “นายกฯลุงตู่” กับ “หัวหน้าป้อม” ว่าจะแก้ทางยังไงกับยุทธศาสตร์ “แลนด์สไลด์” ของเพื่อไทย ที่เดินมาถึงช็อต “โพลเจ๊ดัน” ภาคต่อของ” นิด้าโพล” ที่ดำเนินมาจาก “ผู้ว่าชัชชาติ” แลดน์สไลด์ 1.38ล้าน
แถมอุ้ม “ส.ก.เพื่อไทย” มาอีก 20 มาถึง แคนดิเดตนายกฯ “อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลูกสาว “พี่โทนี่” ทักษิณ ที่ปรากฏนอกจากการตอกย้ำภาพ “ขาลง-เรตติ้งตกลง” ของทั้ง “นายกฯลุงตู่” และ “พรรคพลังประชารัฐ” (พปชร.) ของ “พี่ใหญ่” แล้วยังมีภาพของคะแนนของ “อุ๊งอิ๊ง” กระโดดทิ้งโด่งเป็นอันดับหนึ่งในขณะที่ “ลุงตู่” ตกไปเป็นอันดับ4
@ที่แม้วันแรกๆ “หัวหน้าป้อม” จะดูนิ่งแบบพร้อมรับมือกว่า “น้องเล็ก” แต่อาการขยับผ่านการรายงานภาพการประชุมกับ พปชร.เมื่อวาน (28มิ.ย.) ก็ทำให้เห็นถึงความแกว่งไกวไม่น้อยต่างจากครั้งที่มี “ผู้กองนัส” อยู่ข้างกาย กับการประกาศย้ำในสมการ “ป้อม150” ที่เคยประกาศไว้ว่ายังมั่นใจว่าพปชร.จะได้ส.ส.งวดหน้าอย่างน้อย150คน หากแต่หนนี้เป็นการประกาศเพื่อให้สมาชิกมั่นใจและยังอยู่กับพรรคหลังมีข่าวการย้ายพรรค โดยมีรายงานว่ามีการจี้ถามรายตัวส.ส.ที่มีข่าว จะ “มูฟออน”
@ในขณะที่หันไปทาง “นายกฯลุงตู่” ที่วันก่อนแม้จะบอกไม่ให้ราคากับโพลแต่ก็มีออกอาการอยู่บ้างกับการยืนยันว่าประเมินตัวเองตลอด ที่ วันนี้ (29มิ.ย.) จังหวะไปแอ่วเหนือ ที่ เชียงใหม่ ก็มีช็อต “ตบอกซ้าย” อีกครั้งบนเวทีเปิดงานมหกรรมสินค้า ประกาศ “หัวใจตน เพื่อแผ่นดินนี้” แม้ชอบพูดหาเรื่อง แต่พูดด้วยหัวใจ ยืนยัน “สัญญาต้องเป็นสัญญา”
ว่าจะจับมือกันไปต้องนั่งรถคันเดียวกันไปจะเป็นจะตายก็ต้องช่วยกันเข็นให้มันวิ่งดีกว่า มีเครื่องยนต์เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวอนาคตของประเทศไทยใครจะนำก็ว่าไปแต่มันต้องต่อเนื่องไม่ใช่ว่าไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่ใช่ สิ่งสำคัญคือความสามัคคีทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว ตนไม่ต้องการทะเลาะกับใคร ไม่ว่าจะรักตน หรือไม่รัก ก็ต้องทำให้ เพราะเป็นหน้าที่ของตน เลิกกันสักทีเถอะไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นจะไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย จะไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลยสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า เราอยากให้บ้านเมืองก้าวหน้า อยู่ดีกินดีเราต้องจับมือเดินหน้าไปด้วยกัน
@เรียกว่า ภาพการเมืองถูกมองจากหลายฝ่ายแบบสอดรับกับโพล ว่า กำลังไหลไปในทิศทาง ที่ผู้คนต้องการทั้งนักการเมืองและผู้นำที่เป็น “มืออาชีพ” ใหม่สด กระฉับกระเฉง ทันใจ ทันการ เข้ามาแก้ โจทย์ยาก ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ2เด้ง ที่โอบล้อมประเทศในท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจโลกจากความไม่แน่นอนในความขัดแย้ง
จากเด้งแรก “โควิด” ถึงเด้งที่สอง “วิกฤติสงครามยูเครน” ที่สะท้อนผ่านภาพ การทำงานของ “ผู้ว่ากทม.” “ชัชชาติ” ที่คนกรุงเทพฯที่ถูกมองว่าเป็นผู้ชี้ทิศชี้ทางการเมืองสนามใหญ่ และภาพของ บรรดาพรรคการเมืองใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น “พรรคกล้า” ของ “กรณ์ จาติกวนิช” หรือ “พรรคของคุณหญิงหน่อย” หรือ “พรรคสร้างอนาคตไทย” ของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” และ “ศิษย์3กุมาร” ที่พากันมาในธีม “เศรษฐกิจ”
ในขณะที่รัฐบาลปัจจุบันกำลังถูกมองว่า เอาท์กับสถานการณ์ ยังอยู่ในภาพ วิธีคิดแบบราชการ อย่างที่มีเสียงติงการใช้ สมช.ที่เชื่อมต่อกองทัพดูในด้านความมั่นคง เข้ามานำดูวิกฤติเศรษฐกิจและพลังงาน เหมือนกับการแก้วิกฤติโควิดที่ลากยาวมา3ปี รวมถึงยังอยู่ใน ไม่นับรวมวิธีคิดการมองปัญหา ที่ยังอยู่กลิ่นอายการวนลูปอยู่ในปมความขัดแย้งแบ่งฝ่าย ที่ทั้งหมดยังไม่นับรวม “สัญญาณ” การแสดงออกจาก “ภายในรัฐบาล” ของแต่ละพรรค ที่ไปในทิศทางแบบ “กลุ่มผู้กองนัส” ที่ว่ากันว่าภาพเหล่านี้จะชัดผ่านศึกซักฟอกที่จะมีขึ้นกลางเดือนก.ค.นี้.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews