ธนาคารแห่งประเทศไทย ยกเลิกจำกัดการจ่ายปันผล พร้อมปรับเงินนำส่ง FIDF หลังเศรษฐกิจไทยฟื้นชัด
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตามที่ธปท. ได้ออกมาตรการทางการเงินรูปแบบต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 รวมถึงมีกลไกให้สถาบันการเงิน ส่งผ่านความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ได้ครอบคลุมมากขึ้นนั้น ในวันนี้คณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงินเห็นว่า เศรษฐกิจในภาพรวมมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนขึ้น
แม้การฟื้นตัวยังไม่เท่าเทียมกันในแต่ละภาคเศรษฐกิจ แต่ก็เริ่มส่งผลดีต่อสถานะของลูกหนี้หลายกลุ่ม ขณะที่ระบบสถาบันการเงินมีความมั่นคงสะท้อนจากเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูง ทำให้หลักเกณฑ์การกำกับดูแลที่ผ่อนปรนและมาตรการช่วยเหลือทางการเงินที่ส่งผลเป็นวงกว้าง มีความจำเป็นลดลง และสามารถทยอยปรับเข้าสู่ระดับปกติได้จึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ
โดยยกเลิกการจำกัดอัตราจ่ายเงินปันผล จากเดิมที่จำกัดอัตราการจ่ายไม่เกินร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิประจำปี เนื่องจากผลการทดสอบระดับเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ภายใต้ภาวะวิกฤต ชี้ว่าระบบธนาคารพาณิชย์มีความแข็งแกร่ง มีเงินกองทุนและเงินสำรองเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงในระยะข้างหน้า รวมทั้งผู้กำกับดูแลในต่างประเทศส่วนใหญ่ ก็ได้ยกเลิกนโยบายจำกัดการจ่ายเงินปันผล
รวมทั้งปรับอัตราเงินนำส่งจากสถาบันการเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) กลับสู่ระดับปกติที่ร้อยละ 0.46 ต่อปี ตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นต้นไป จากที่เคยปรับลดลงเหลือร้อยละ 0.23 ต่อปี เพื่อให้สถาบันการเงินส่งผ่านต้นทุนที่ลดลงไปช่วยเหลือลูกหนี้ในรูปแบบต่างๆ ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 โดยการให้สถาบันการเงิน กลับมานำส่งเงินเข้า FIDF ในอัตราเดิมนี้ สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทางธปท. คาดหวังว่าสถาบันการเงิน และผู้ให้บริการทางการเงินจะยังคงให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการแก้หนี้เดิมหรือเติมเงินใหม่ เพื่อเป็นกลไกสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews