Home
|
ข่าว

“ชัยวุฒิ” ย้ำไม่มีนโยบาย ภาครัฐโทรข่มขู่ประชาชน

Featured Image
“ชัยวุฒิ” ย้ำไม่มีนโยบายภาครัฐโทรข่มขู่ประชาชน หวั่นผู้สูงอายุรู้ไม่เท่าทัน “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ขอบุตรหลานช่วยทำความเข้าใจ รับปราบปรามยากเพราะมิจฉาชีพย้ายฐานกระทำผิด

 

 

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยภายหลังการประชุม คณะกรรมการนโยบายของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมวันนี้ มีการหารือเรื่องประเด็นความมั่นคงทางไซเบอร์และคอลเซ็นเตอร์เป็นหัวข้อหนึ่ง ซึ่งเป็น 1 ใน 13 แผนของสภาความมั่นคงแห่งชาติ

 

โดยนายชัยวุฒิ ยอมรับว่า การปราบปรามที่ทำได้ยากลำบาก เพราะกระบวนการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้พื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านในการตั้งศูนย์คอลเซ็นเตอร์หรือเป็นฐานในการทำความผิด ซึ่งเมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจพบ หรือเจอ และสั่งปิด ก็จะมีการเปลี่ยนประเทศไปเรื่อยๆ ซึ่งขณะนี้ได้พยายามให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

ประชาสัมพันธ์ประชาชน หากมีเบอร์โทรศัพท์โทรเข้ามา และมีเครื่องหมายบวกนำหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เป็นการโทรมาจากต่างประเทศ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรับสาย และขอย้ำว่าไม่มีนโยบาย จากหน่วยงานใดๆ ของรัฐ ที่จะโทรไปข่มขู่หรือเรียกให้ประชาชนโอนเงิน หรือขอข้อมูล ดังนั้นหากมีการโทรในลักษณะนี้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดำเนินการให้ตัดสาย หรือกดทิ้ง

 

เมื่อถามว่าปัจจุบันปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์สวมรอย มีการอ้างว่าเป็นหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง กสทช. จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ซึ่งนอกจาก กสทช. ก็มีการอ้างหมดทุกหน่วยงานที่เป็นหน่วยงานรัฐ จึงขอย้ำว่าไม่มีหน่วยงานของรัฐที่จะโทรไป แล้วให้ประชาชนเปิดเผยข้อมูลหรือโอนเงิน

 

ซึ่งเรื่องนี้ต้องขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนในการประชาสัมพันธ์และเตือนประชาชน รวมถึงย้ำกรณีที่โทรมาและมีเครื่องหมายบวกว่าควรกดสายทิ้งทันที โดยยอมรับว่ากลุ่มผู้สูงอายุอาจรู้ไม่เท่าทัน ดังนั้น บุตรหลาน หรือบุคคลในครอบครัว จะเป็นตัวช่วยอีกทาง ที่จะทำความเข้าใจและป้องกันไม่ให้ผู้สูงอายุตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube