พ่อค้าศูนย์อาหารยอมรับกังวลหลังถูกหนุ่มไรเดอร์ขู่เอาชีวิต พบเป็นคนเดียวกับขู่ฆ่าแม่ค้าบัวลอย
ลุงสมศักดิ์ พ่อค้าศูนย์อาหารริมถนนพระราม 4 เล่าให้กับทีมข่าวฟังถึงเหตุการณ์หนุ่มไรเดอร์ข่มขู่เอาชีวิต หลังมีเรื่องกับลูกชายขณะมารับออเดอร์อาหารสร้างความหวาดกลัวโดยพบว่าเป็นคนเดียวกันกับที่ใช้ไขควงข่มขู่แม่ค้าบัวลอยย่านสาธุประดิษฐ์ 57 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์
ลุงสมศักดิ์ เล่าว่าเมื่อวันจันทร์ที่ 4 เวลาประมาณ 14.00น.หนุ่มไรเดอร์คนดังกล่าวได้เข้ามารับอาหารร้านข้างๆ ของตนเองภายในศูนย์อาหารฯและระหว่างเดินผ่านร้านได้ขอหน้ากากอนามัยกับลูกชายแต่ลูกชายได้ปฏิเสธ หนุ่มไรเดอร์ก็เดินไปร้านอื่น ระหว่างนั่งรออาหารก็ใช้สายตามองมาที่ลูกชายด้วยความโกรธแค้น เมื่อรับอาหารเสร็จแล้วก็เดินมาที่ร้านตนเอง
และถามลูกชายด้วยคำหยาบว่า “มองหน้าหาเรื่องเหรอ” ทำให้ลูกชายไม่พอใจจนเกิดการชกต่อยกันบริเวณหน้าร้าน ตนเองและร้านค้าใกล้เคียงก็มาห้ามปรามและแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ก่อนที่ไรเดอร์หนุ่มจะเดินไปหยิบเหล็กกับค้อนที่อยู่ภายในศูนย์อาหารกลับมา พร้อมกับข่มขู่ว่าจะฆ่าเอาชีวิต และใช้คำด่าหยาบคายตามที่ปรากฏในคลิป หลังจากมีเรื่องยอมรับว่าเกิดความกลัวจึงได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ทองหล่อ
ซึ่งทราบว่าระหว่างที่ตนเองไปแจ้งความหนุ่มไรเดอร์ก็กลับมาที่ร้าน 3-4 ครั้ง โดยไม่ได้มารับออเดอร์อาหารแต่อย่างใด โดยไม่เจอตนเองและลูกชาย
จนกระทั่งในเย็นวันเดียวกันหนุ่มไรเดอร์ก็มาที่ร้านพร้อมกับเพื่อนและเข้ามาสอบถามตนเองว่าพนักงานที่มีเรื่องเมื่อวาน (ลูกชาย) อยู่ไหม ตนเองจึงโกหกว่าไล่ออกไปแล้วเพื่อความปลอดภัย ระหว่างที่ไรเดอร์เข้ามาที่ร้านช่วงเย็นก็มีพนักงานบริษัทไรเดอร์โทรมาแจ้งเตือนให้ระมัดระวังตัวพร้อมกับเข้ามาดูแล
โดยระบุว่าไรเดอร์ที่ก่อเหตุเป็นคนเดียวอันตรายที่ก่อเหตุมาหลายครั้งและอยากให้ตนเองไปแจ้งความดำเนินคดี อีกทั้งตนเองก็ได้ยินข่าวจากรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางช่อง 3 ว่ามีไรเดอร์ข่มขู่แม่ค้าออนไลน์ โดยเห็นว่ามีพฤติกรรมเช่นเดียวกัน อีกทั้งรถจักรยานยนต์ก็สีเหมือนกัน ซึ่งในเวลาต่อมาแม่ค้าออนไลน์โทรมาหาตนยืนยันว่าคนก่อเหตุเป็นคนเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้เป็นวันแรกที่ต้องไปขายอาหารก็ต้องระมัดระวังตัวเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากเป็นสถานที่เปิดและตัวเองต้องอยู่กับที่ แต่ก็จะไม่ปล่อยผ่านกับเรื่องดังกล่าว พร้อมวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะตำรวจว่าขอให้เข้มงวดและให้ความช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเต็มที่ไม่ใช่ผลักภาระให้ผู้เสียหายไปหาหลักฐานเอง
ทั้งนี้ ทีมข่าวได้ประสานไปยังบริษัทต้นสังกัดของหนุ่มไรเดอร์ระบุว่า ทางต้นสังกัดไม่มีพนักงานประจำมีเพียงพาร์ทเน้อ (คู่ค้า) ทางธุรกิจ ซึ่งหนุ่มไรเดอร์ที่ปฏิบัติหน้าที่ปัจจุบันไม่ใช่พนักงานแต่เป็นแค่คู่ค้า ส่วนคนที่ก่อเหตุจะเป็นพาร์ทเนอร์ของบริษัทหรือไม่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews