@ยังถูกวิจารณ์ขรมเมืองไปทุกวงการ กับ ปรากฏการณ์ พลิกตลบกลบหลักการ
กรณี กลับสูตร100เป็น500 ก่อนทำท่าจะกลับมาเป็น 100 หรืออาจมากไปกว่านั้นกับสัญญาณ “บอกผ่านราคา” ว่าอาจไปถึงขนาด “เซ็ตซีโร่” แก้ “กฎหมายแม่” คือตัวรัฐธรรมนูญ60 ที่แก้กันมาแล้วให้เป็น “บัตร2ใบ” จะ “รีเซต”
กลับไปเป็น “บัตรใบเดียว” แบบNoสนNoแคร์ ไม่แคร์สื่อไม่แคร์ใคร จาก “ศูนย์อำนาจ” อย่างที่มีหลายฝ่ายออกมาติง ไม่ว่าจะเป็น “สว.วันชัย” ที่ไม่เห็นด้วย ออกมา ซัด ผู้มีอำนาจ-พรรคการเมืองทำตัวกะล่อน กรณี แก้ รธน.สูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์
กลับไปกลับมา หวังได้เปรียบทางการเมือง มากกว่าทำเพื่อ ปชต. ทำ ปชช.ขาดความเชื่อถือ และ มองว่า ปมกลับไปใช้ระบบบัตรเลือกตั้งใบเดียวก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ จาผู้มีอำนาจที่คิดแต่เรื่องอำนาจอย่างเดียว
คิดแต่จะเอาเปรียบอย่างเดียวแล้วรวมหัวกัน หวังจะเอาอำนาจและหวังจะได้เปรียบทางการเมืองเท่านั้น แต่หากพรรคการเมืองไม่เล่นด้วย ส.ส.ไม่เล่นด้วยก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ ลำพัง ส.ว.เพียวๆ ก็ไม่มีทางที่จะทำได้ซึ่งมองว่ามันเป็นการกะล่อนกันทางการเมืองมากกว่าที่จะทำเพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง
@เช่นเดียวกับ “อ.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต” จากนิด้า ที่เตือนบรรดา ส.ส.ว่า “ความอลหม่านจนทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐสภาตกต่ำลงในยามนี้ มาจากการเปลี่ยนกลับไปกลับมาของระบบเลือกตั้ง ทำไม
สมาชิกรัฐสภาเสียงส่วนใหญ่จึงกล้าทำตรงข้ามกับหลักการที่ตนเองรับรองไปก่อนหน้านั้น ทั้งที่ส่งผลกระทบศักดิ์ศรีความน่าเชื่อถือตัวแทนปวงชน บั่นทอนความน่าเชื่อถือรัฐสภา และประชาธิปไตย
คาดว่าสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ก็ตระหนักอยู่บ้างว่า การทำเช่นนั้น หาใช่การที่ควรทำ แต่อาจจำใจทำ ใครหรืออำนาจใด ที่กดดันให้ สมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ยอมจำนน ละทิ้งศักดิ์ศรี ละทิ้งหลักการ ในลักษณะที่ทำลายตนเองเช่นนี้ คนผู้นั้นคงมีอำนาจยิ่งใหญ่
โดยมองว่า ผู้คิดว่า หาร 500 จะก่อประโยชน์แก่ตนเอง ฝันถึงการสืบต่ออำนาจไปอย่างไม่สิ้นสุด สั่งการตามอำเภอใจ ไม่ไยดีว่า จะส่งผลกระทบต่อหลักการอันชอบธรรมของสังคมอย่างไร และ เมื่อ สูตร 500 บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ยังไม่ทำให้เกิดความมั่นใจ
จึงพยายามเสนอให้ กลับไปใช้สูตร 500 บัตร 1 ใบ เหมือน การเลือกตั้งปี 62 หากความพยายามนี้บรรลุผล รัฐสภาไทยกลายเป็นสภาโจ๊ก จึงขอส่งข้อความเตือนสติบรรดาส.ส.ว่า เป็นตัวแทนประชาชน ไม่ใช่เป็นลูกน้องของผู้มีอำนาจคนใด
การรักษาหลักการชอบธรรมและการสร้างความน่าเชื่อถือของสภาผู้แทนราษฎรเป็นพันธกิจร่วมที่สำคัญของ ส.ส.ทุกคน หากสภาผู้แทนราษฎรกระทำบนพื้นฐานของหลักการอันชอบธรรมแล้ว
ย่อมนำมาซึ่งความน่าเชื่อถือต่อรัฐสภา ทั้งยังส่งผลดีและสร้างความเข้มแข็งแก่ระบอบประชาธิปไตย
@เช่นเดียวกับ “อ.สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีตกกต.ที่โพสFBวันนี้ (29ก.ค.) จั่วหัวว่า “พล็อตนรก ตลกหกฉาก” ว่า พล็อตหนัง “มหาศึกชิงบัลลังก์” (Game of Thrones) ที่ มีพล็อตเรื่องกลับไปกลับมา โหดเกินกว่าที่คิด จนเรียกว่า “พล็อตนรก” อาจแพ้
พล็อตการเมืองของไทย ที่ใครบางคนวางไว้ เป็นพล็อตเส้นทางย้อนกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวที่ใครต่อใครว่าเดินหน้าไปไกลและยากจะย้อนกลับ โดยมีทั้งหมด 6ฉาก คือ 1.รัฐสภาปล่อยผ่านวาระ3 เป็นหารห้าร้อยตามที่ถลำลึกไปแล้ว 2.กกต.ให้ความเห็นว่า
หารห้าร้อยไม่มีปัญหาในทางปฏิบัติ 3. มีการเข้าชื่อของ ส.ส.และ ส.ว. ประมาณ 75 คน ส่งศาลรัฐธรรมนูญ 4. ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.ป.ส.ส. มีข้อความขัดกับรัฐธรรมนูญในสาระสำคัญ ทำให้ ร่าง พ.ร.ป.ส.ส. ตกไปทั้งฉบับ 5.
รัฐบาลแสดงความรู้สึกกังวลใจว่า หากจะเสนอกฎหมายลูกเข้ามาใหม่จะต้องใช้เวลามากเกรงจะไม่ทันเลือกตั้งต้นปี66 และเนื่องจากการแก้ไขรธน.ครั้งที่ผ่านมา เป็นการแก้ที่ไม่ครบ ไม่ว่าจะร่าง กม.ลูก เป็นหาร 100 หรือ หาร 500 ก็มีสิทธิถูกวินิจฉัยว่าขัด
รธน.อีก 6.ด้วยความปรารถนาดีของรัฐบาล ให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงขอแก้รธน.กลับไปเหมือนเดิมของปี60 และไม่ต้องมีการแก้ไขกม.ลูกใดๆ ให้เสียเวลาอีก เพราะสามารถใช้ของเดิมได้เลย
ส่วนการแก้ไขกติกาใด ๆ ให้เป็นเรื่องของรัฐบาลในอนาคต ซึ่ง พล็อตตลกหกฉากนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงสภาวะหนีเสือปะจระเข้ เพราะไม่อยากเจอทั้งเสือและจระเข้ โดยไม่แคร์คนดู
@เรียกว่าหลายฝ่ายกำลังจับตาความพยายามในการ “ยื้อยุทธ” แบบสุดซอยในการ “ไปต่อ” ของ “ฝ่ายอำนาจ” กับกลเกมการแก้กติกาให้ “เป็นต่อ” ในสนามศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ที่เป็นผลส่วนหนึ่งมาจากยามนี้ที่เป็นช่วงปลายทางรัฐบาล ฝ่ายการเมืองตั้งแต่ใน
“ศูนย์อำนาจ” เริ่มออกอาการ “ไม่ยอมตามใจ” แบบเดิมบ้าง อย่างที่อดีตกุนซือรองนายกฯ “ไพศาล พืชมงคล” ประเมินผ่านFB ว่า ยามนี้เริ่มเห็น การเมือง แตกกันเป็นเสี่ยงๆ!!!!พรรคการเมืองใหญ่ฝ่ายรัฐบาลแตกกระเจิง
กำลังจะมีการลาออกกันเป็นทิวแถว และเมื่อไม่ไว้ใจกัน ต่างคนต่างก็ตั้งพรรคย่อยขึ้นรองรับ! ขณะนี้พรรคตั้งใหม่กำลังเตรียมแย่งกันดึงใครต่อใครกันให้วุ่นวายไปหมด ส่วนพรรคเก่าก็แตกกระเจิง วันนี้จะมีนักการเมืองใหญ่ลาออกจากพรรค
จะสะเทือนสะท้านไปทั้งกรุงเทพฯและภาคกลาง การใช้กลยุทธ์ “ทุกปัญหาด่าทักษิณ” ไม่สามารถหยุดสถานการณ์แลนด์สไลด์ได้ ที่สำคัญคือบ้านเมืองเกิดวิกฤตทุกด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจ ไม่มีการแก้ปัญหาเป็นเรื่องเป็นราว
เอาแต่ตั้งกรรมการแบบศาลเจ้าโรงเจประชาชนจึงไม่สามารถหวังอะไรได้อีก นอกจากความเปลี่ยนแปลงเหลือแต่ว่าจะเปลี่ยนแปลงกันแบบไหนขนาดไหนเท่านั้น.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews