จับยารักษาโควิดเถื่อนของกลางกว่า 10 ล.
อนุทิน แถลงจับกุมแหล่งขายยารักษาโควิดเถื่อน พบของกลางกว่า 80,000 เม็ด มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
วันนี้ (4 ส.ค.65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำแถลงข่าวถึงผลการปฏิบัติงานกรณีจับกุม นายประเสริฐ และพวกรวม 3 คน กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา” ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร อาคาร1 ชั้น 2 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
สืบเนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงสาธารณสุขได้ประสานความร่วมมือกันจึงทราบว่ามีการลักลอบจำหน่ายยาในกลุ่มที่รักษาโรคโควิด -19 ผ่านทางสื่อออนไลน์ที่ผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก จึงได้ทำการสืบสวนและล่อซื้อ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม จำนวน 2 ร้าน และเมื่อได้ผลิตภัณฑ์มาแล้ว จึงได้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติมทราบว่าตัวยาจะทั้ง 2 ร้านได้ถูกส่งมาจากสถานที่เดียวกัน เป็นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่เขตวังทองหลาง ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นสถานที่จัดเก็บและกระจายสินค้า
ผลการจับกุมได้ของกลางที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาทั้งหมดรวมกว่า 2,300 กล่องประมาณ 80,000 เม็ดมีมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท โดยผู้ต้องหารู้จักกับคนอินเดียให้ช่วยซื้อให้และส่งมาจากประเทศอินเดียลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทยส่วนใหญ่ลักลอบนำเข้าผ่านทางด่านศุลกากร ไปรษณีย์แจ้งวัฒนะ
ทั้งนี้มียาบางส่วนที่ผู้ต้องหาหิ้วติดตัว ทยอยนำเข้าโดยทำมาแล้วประมาณ 2 เดือน ซึ่งการกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เป็นความผิดตาม 1. พ.ร.บ ยาพ.ศ 2510 มาตรา 12 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีและปรับไม่เกิน 10,000 บาท และ 2. พ.ร.บ ยา พ.ศ 2510 มาตรา 72(4)” ขายยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 5,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ทางด้าน นายอนุทิน ฝากถึงพี่น้องประชาชนว่าไม่ควรซื้อยาออนไลน์กินเองยาโมลนูพิราเวียร์เป็นยาควบคุมพิเศษต้องได้รับการวินิจฉัยและสั่งจ่ายยาโดยแพทย์ถึงมีความปลอดภัยเลิกคิดซื้อมาตุนสำรองไว้ที่บ้าน โรคโควิดต้องให้แพทย์รักษากินยาตามสั่ง หากประชาชนซื้อยาดังกล่าวไปรับประทานเองอาจได้ยาปลอมที่ไม่มีตัวยาสำคัญหรือยาที่ไม่มีคุณภาพและประสิทธิภาพในการรักษาโควิด 19
ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าปลอดภัยอาจก่อให้เกิดเชื้อดื้อยาได้ผู้ป่วยโควิดตอนนี้หากติดเชื้อควรไปพบแพทย์ ขอย้ำว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ยาต้านไวรัสโมลนูพิราเวียร์ หรือ ฟาวิพิราเวียร์ และทางกระทรวงสาธารณสุขมั่นใจว่ามียาเพียงพอแต่ต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ในการนำจ่ายยาเท่านั้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews